ถึงป้อม (๗ กรกฎาคม ๒๕๔๙)
ทำบุญให้เจ้าที่ ๆ เราอยู่บ้าง เราจะได้สุขกายสุขใจกับการทำให้ที่อยู่อาศัยของตัวเรา แม้นแต่ที่เราอยู่ เราก็อยู่ด้วยบุญจะเป็นที่ใดก็แล้วแต่ จงเอาบุญคุ้มกายทั้งเวลาตื่นและเวลาหลับ ที่เราทำบุญทุกวัน บุญจะนำทางให้เราเจริญด้วยปัญญา ถึง มรรค ผล นิพพาน สะพานบุญที่เราสร้างจะทอดไปถึงทุกชั้น วรรณะ ที่เราได้ทำมา เพียงแต่แบ่งเวลาทำทุกวัน การสร้างสะพานข้ามคลอง ข้ามถนนต้องใช้วัตถุในการสร้าง สะพานบุญก็ใช้ผลบุญจากการกระทำของเรา แต่จุดหมายปลายทาง คือเห็นด้วยตา รู้ด้วยจิต ทั้งสองทาง ทั้งตาภายนอกและจิตภายใน จงเอาความอดทนนำทางแล้วจะถึงจุดหมายปลายทาง
เราอยู่กับการดิ้นรนมาตั้งแต่เกิดมาเป็นมนุษย์ เราต้องดิ้นรนจนกว่าจะหมดลมหายใจ แต่ก่อนที่เราจะหมดลมหายใจ เราก็ได้ประสบการณ์ในการใช้ชีวิตคุ้มทั้งชีวิต ที่เราเกิดมา รู้สุข รู้ทุกข์ รู้การวาง รู้การดับสุข รู้การดับทุกข์ที่เกิด ถึงจะได้คำว่า ปิติ เมื่อถึงขั้น ปิติ แล้วจิตทุกดวงของเราก็จะถึงจุติไปตามที่ต่าง ๆ ได้อีก แล้วก็จะไปต่อไปอีก เมื่อก่อนเราเป็นที่พึ่งของพ่อแม่ ลูก ญาติ พี่น้อง เขาเรียกว่า ญาติกายภายนอก เมื่อเราทำบุญไปเรื่อยเราก็จะถึงญาติของจิต คือชั้นวรรณะ ภพภูมิทั้งหลาย ที่อยู่ที่ตัวเรา ภายในจิตของเรา ที่เราสัมผัสได้ด้วยตัวเรา ไปถึงธรรมชาติภายนอก
ป้อมลองดูปลาทุกชนิดที่ว่ายน้ำ เขาก็อยู่กับการดิ้นรนไม่ว่าจะอยู่ในสภาพใดก็ตาม แม้แต่จะอยู่ในกะละมังเพื่อรอเป็นอาหารของคน เขาก็ไม่ยอมที่จะหยุดนิ่งเขาก็ยังดิ้นรน ในตู้ปลา ในบ่อ หรือว่าในคลองเขาว่ายไปเรื่อย เขาไม่เคยหมดกำลังแบบคน ไม่ว่าจะจุดไหนก็ตาม ทุกคนควรทำเช่นปลา ในเมื่อสิ่งที่เราทำเราเหนื่อย เราก็ถอนหายใจ สองสามครั้ง เราก็จะโล่ง และทำหน้าที่ของเราต่อไป เราอยู่กับการเดิน เราต้องเดินทุกวัน หายใจทุกวัน กินทุกวัน รับรู้เรื่องและปัญหาทุกวัน มีสุข มีทุกข์ทุกวัน
ผลบุญเหมือนอาหารที่เรากินทุกวัน เพียงแต่ ผลบุญเป็นอาหารทางจิตของตัวเรา เอาผลบุญที่เราทำไปให้จิตที่ไม่ดีของตัวเราบ้าง (เพราะอาหารทางกายเรายังต้องกินทุกวัน) ใส่บาตรให้จิตวิญญาณในกายสังขารของตัวเราด้วยเหมือนกัน กายสังขารของตัวเราเป็นบ้านของจิต มีดีไม่ดีก็อยู่ในกายเรา ไม่มีใครดีตลอด ไม่ดีตลอด ทุกอย่างปะปนอยู่ข้างในตัวเรา เพียงแต่เราเอาสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่ดีของตัวเราออกมาปัดกวาด โดยการให้เขาได้รับผลบุญ เราทำบุญให้แก่ความโกรธ ความเกลียด ความโลภ ความหลงที่อยู่ในตัวเรา ให้เขาได้รับผลบุญบ้าง
เจ้ากรรม นายเวร ของตัวเราก็อยู่ในกายเรา คือโรคในกายเรามีแต่ความเจ็บ ปวด ทุกทรมานกับโรคต่าง ๆ ที่อยู่ในกายเรา ให้โรคที่อยู่ในกายได้รับผลบุญจากการใส่บาตรโดยตัวเราเป็นผู้ให้ สวดมนต์ให้แก่โรคที่อยู่ในกายเรา และสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่ดีทั้งหลาย แต่อย่างหลงตัวเองว่าต้องดีตลอด ใครพูดไม่ได้ สอนไม่ได้ มีความดื้อรั้น ต้องการเอาชนะ ต้องการเป็นใหญ่ เขาเรียกว่าเวร ไม่ถึง มรรค ผล นิพพาน
ถ้าเรารู้จักแก้ไขนิสัยที่ไม่ดีของตัวเราแล้ว เราก็จะอยู่ได้ทุกชั้นวรรณะโดยไม่ทุกข์ อยู่ด้วยความเมตตา อยู่ด้วยสติ อยู่ด้วยสมาธิ อยู่ด้วยปัญญา อยู่ด้วยวาจาที่เป็นมงคล และผลก็จะเกิดขึ้นด้วยตัวเราเอง เป็นผู้รับรู้ เป็นผู้ตื่น และเบิกบานด้วยการแก้ไขตัวเรา ก็จะถึงชั้นวรรณะ และภพภูมิในกายเรา เรื่องและปัญหาเกิดจากอารมณ์ของทุกคน ดับอารมณ์ของตัวเราด้วย คิดก่อนพูด ทำก่อนรู้ ดูแล้วพิจารณา มีปัญญาให้เกิดความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม ในปัจจุบันและชาติต่อๆ ไปของเราทุกคน
สว่าง วาสสนิท
คำตอบ
ได้ยินแล้ว รู้แล้ว ผ่านแล้ว จิตของเราเห็นแสงสว่างแล้ว แต่เวรของเรายังมีอยู่ อารมณ์ที่ขุ่นมัวยังเกิดอยู่ ยังมีความชอบไม่ชอบอยู่ มีความเบื่ออยู่ มีคำบ่นอยู่ คำว่าอยู่ ตัวที่อยู่ดับเป็นความว่างหมดแล้ว นั่นแหละคือคำตอบที่แท้จริง ไม่ต้องถามใครเลย ก็จะเห็นคำตอบทั้งหมดอยู่ในตัวเรา เพียงแต่อย่าหลงกับแสงสีและวัตถุภายนอกแค่นี้พอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น