หลังจากงานเผากายสังขารของพี่เฟิสท์ (๑๔-๑๘ มกราคม ๒๕๔๙) พ่อยังฝันเห็นและได้สัมผัสสิ่งเร้นลับเกี่ยวกับพี่ เฟิสท์ พ่อฝันติดกัน ๒ วันว่าพวกเรา (Family & Friend Group) กำลังเตรียมตัวจะไปไหนกันสักแห่งแต่ก็ยังรอๆกันอยู่ ยังออกเดินทางไม่ได้ เรา ๒ คนจึงปรึกษากันว่าเราจะต้องไปลอยอังคารให้ลูกในวันหยุดนี้ นั่นคือในวันอาทิตย์ที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๔๙ ก่อนออกจากบ้านไปลอยอังคาร พ่อจะปิดประตูห้องน้ำชั้นบนที่อยู่ติดกับห้องนอน พ่อเล่าว่าตอนดึงจะปิดเหมือนติดอะไรอยู่ พ่อพยายามดึง ๒-๓ ครั้งก็ไม่สำเร็จจึงชะโงกหน้าเข้าไปดูว่าประตูไปเกี่ยวกับประตูห้องน้ำอีกด้านหรือเปล่าจึงดึงไม่ออก แต่ก็ไม่เห็นติดขัดอะไรจึงดึงปิดอีกรอบ ครั้งนี้ไม่มีปัญหาอะไรประตูก็ปิดเข้ามาได้โดยง่าย
เช้าวันจันทร์ที่ ๒๓ มกราคม พ่อไปทำงานตอนเช้าพร้อมๆกับแม่ไปใส่บาตรให้พี่เฟิสท์ ที่วัด เนื่องจากเป็นช่วงงานประจำปีของวัดพระจึงไม่ออกมาบิณฑบาตในหมู่บ้านเหมือนเช่นเคย พ่อให้แม่ขับคันคัมรี (Camry) ส่วนพ่อเอาคัน เบ็นซ์ (Benz) ไป เสร็จงานพ่อถึงบ้านราวหนึ่งทุ่ม หลังจากคุยกันเรื่องตั้งศาลพระภูมิ เราก็เตรียมออกไปทานข้าวหน้าหมู่บ้าน ก่อนออกไปพ่อนึกขึ้นได้ว่ายังมีเงินทำบุญให้ลูกอีกจำนวนหนึ่งที่พ่อยังไม่ได้เขียนเผาส่งไปให้ลูก จึงเขียนนำส่งเงินใส่แผ่นกระดาษแล้วนำไปเผาข้างบ้าน เสร็จแล้วก็เดินไปที่จอดรถเพื่อเอาคันคัมรี ออกไปกินข้าวและถอยคันเบ็นซ์ เข้ามาเก็บแทน พ่อเล่าให้แม่ฟังตอนหลัง(ราววันพุธที่ ๑ กุมภาพันธ์) ว่าตอนเข้าไปในรถคัมรีมีความรู้สึกเหมือนว่างๆ หูอื้อๆ มึนๆ รถขย่ม ๔-๕ ครั้งเหมือนมีคนขย่มอยู่ด้านหลัง พ่อมองผ่านกระจกมองหลังเห็นว่าในรถเป็นฝ้าขาวๆเหมือนหมอกจับ สตาร์ทรถก็ได้ยินเสียงรถเบามาก เหยียบคันเร่งก็ไม่ออก เหยียบแรงก็ไม่ออกเหมือนมีอะไรดึงรั้งไว้ ต้องเหยียบแรงมากรถจึงพุ่งออกไป พ่อไม่ได้พูดว่าอะไรในตอนนั้นจนกระทั่งถอยรถอีกคันเข้ามาเก็บในบ้านจึงพูดกับตัวเองลอยๆว่า “เฟิสท์ หรือลูก อย่างนี้ทำกับพ่อได้ อย่าทำกับแม่นะเดี๋ยวแม่เขาจะกลัว” ขณะที่นั่งกินข้าวพ่อก็ชวนให้พี่เฟิสท์ กินข้าวด้วยกัน กลับจากกินข้าวพ่อพูดกับแม่ว่า “พ่อรู้สึกว่าลูกยังอยู่ใกล้ๆ เหมือนยังอยากบอก อยากสื่ออะไรกับเรา” เราคิดว่าลูกคงกังวลเรื่องขับรถไปเกิดอุบัติเหตุกลัวพ่อจะโกรธ หรือเสียใจละมัง พ่อจึงลงไปจุดธูปบอกกับลูกว่า “ไม่ต้องห่วง พ่อไม่ว่าเรื่องขับรถเพราะพ่อรู้ว่าลูกไม่ได้ประมาท ขอให้ลูกไปดี ไปที่สบาย ไปที่ชอบนะลูก” และคืนนั้นพ่อก็ไม่ฝันอะไรอีก
เย็นวันอังคารหลังจากเลิกงานพ่อกลับมาบ้าน แม่ก็บอกพ่อว่า “แม่รู้แล้วว่าลูกอยากบอกอะไรกับพ่อ ลูกคงอยากบอกว่ารักพ่อมั้ง เพราะเขาเคยคุยกับเพื่อนว่าอยากบอกพ่อว่ารักพ่อ แต่ก็ยังไม่ได้บอกเสียที แม่ว่าลูกไปแล้วนะ” แต่พ่อก็ยังไม่แน่ใจ ขณะปิดบ้านจะออกไปทานมื้อเย็นเช่นเคย พ่อเล่าว่าพ่อพูดลอยๆกับตัวเองว่า “ไปแล้วหรือลูก ถ้าไปแล้วก็ดี ถ้าอยู่แถวๆนี้เดี๋ยวไปกินข้าวด้วยกัน” ขณะที่กำลังเดินมาที่รถพ่อก็ได้ยินเสียงก๊อก แก็ก ที่ประตูรั้วหน้าบ้าน จึงหันไปดูเห็นแม่กุญแจที่คล้องประตูแกว่งไปแกว่งมา พ่อลองไปยืนแกว่งแม่กุญแจดูบ้าง กุญแจก็ไม่สามารถทำให้แม่กุญแจแกว่งได้หลายครั้งอย่างที่เห็น พ่อจึงมั่นใจว่าลูกยังอยู่ และอยากจะสื่อกับพ่อ
หลังจากนั้นพ่อก็ฝันอีกว่าพวกเราไปส่งใครก็ไม่รู้ ในฝันพ่อพูดอยู่คนเดียวว่า “เราส่งเขาแค่นี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องเข้าไป ให้กลับเลย” พ่อเข้าไปดูสถานที่เห็นเป็นที่พักคล้ายๆเป็นห้องหรือรถ มีลำไผ่ ๔ ลำค้ำยันไว้เพราะกลัวห้องหรือรถนั้นจะยุบลงมา พ่อเดินอ้อมไปดูรอบๆสิ่งนั้น กลับกลายเป็นรถเบ็นซ์ คันสวยของพี่เฟิสท์ แต่ไม่มีสภาพของการเกิดอุบัติเหตุให้เห็น รถยังสวยเหมือนเดิม
ก่อนวันอังคารที่ ๓๑ มกราคม พ่อฝันอีกว่าพ่ออุ้มเด็กคนหนึ่ง เด็กคนนั้นหิว อาหารมีมากมายเต็มโต๊ะแต่สิ่งที่พ่อพอจะป้อนให้เขาได้ก็คือเศษเนื้อปลาที่ติดอยู่ที่ก้าง ในฝันพ่อเห็นผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง หญิงคนนั้นบอกพ่อว่าเขาจะพาเด็กคนนี้ไปกินข้าวเหนียวไก่ย่างข้างหน้านี่เอาไหม หลังจากฟังพ่อเล่าเราสรุปว่าลูกคงอยากกินข้าวเหนียวไก่ย่าง ส้มตำ ดังนั้นในวันอังคารที่ ๓๑ มกราคม เป็นวันที่แม่พาน้องฟอร์ท ไปทำสังฆทานและบังสุกุลที่วัด จึงเตรียมข้าวเหนียวหมูย่าง ส้มตำไปใส่บาตรให้พี่เฟิสท์ ด้วย คืนวันนี้เราได้ไปพบอาจารย์ ได้พบกับลูกในร่างของเพื่อนและรู้แล้วว่าสิ่งที่พี่เฟิสท์ ต้องการจะสื่อจริงๆ ก็คือ เขาอด เขาหิว และเจ็บปวด ต้องการให้พ่อ-แม่ช่วยเขาด้วย
วันแรกที่ใส่บาตร คืนนั้นพ่อฝันว่าพ่ออยู่ในห้องที่มีเงินทองมากมายเต็มห้อง มีแต่แบงก์ร้อยทั้งนั้น และก็ฝันว่าอยู่ในห้องประชุม สัมมนา ทุกคนที่นั่นนั่งรอเข้าร่วมประชุมสัมมนาอะไรสักอย่าง ทุกคนแต่งตัวดีและดูเหมือนกำลังรอเรียกชื่อ หรือรอประธานของงาน หรือรอนำเสนอผลงานนี่แหละ
หลังจากนั้นพ่อก็ไม่ได้ฝันอะไรอีกเลยและพ่อก็บอกกับแม่ว่า “ลูกไปแล้ว ลูกไปแล้วจริงๆ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น