การแก้ไขสำหรับมนุษย์ แก้ที่เป็นกรรมก่อน แก้ที่เป็นเวรก่อน ถ้ามนุษย์มาแก้ที่ปลายเหตุ สิ่งที่เป็นต้นไม่สามารถหลุดพ้นได้ แต่ถ้ามนุษย์แก้ที่ต้นในสิ่งที่เป็นเวรสำหรับมนุษย์แล้วสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นกรรมก็หายไปเอง แต่ถ้ามนุษย์มาแก้ตอนปลายเหตุต่างๆทุกอย่าง ทั้งชีวิตสำหรับมนุษย์ก็แก้ไม่หมด แต่ถ้ามนุษย์แก้ที่ต้น สิ่งต่างๆทุกอย่าง เหมือนต้นที่เป็นผล ถ้าผลอันนั้นต้นเป็นอย่างไร ผลอันนั้นก็เกิด แต่ถ้าต้นเป็นผลอีกผลหนึ่ง เอาผลอีกผลหนึ่งมารวม ความแตกต่างทุกๆอย่างก็เกิดขึ้นมามากมายเหมือนการทำที่มนุษย์ได้ทำมา ว่าสิ่งที่มนุษย์จะได้ต้นต่างๆทุกอย่าง ถ้ามนุษย์รู้จักสิ่งที่มนุษย์ได้แก้แล้ว เวรทั้งหลาย กรรมทั้งหลาย ที่อยู่ในปัจจุบันชาติของมนุษย์ทั้งหมดอันนั้นแหละคือต้น แต่สิ่งที่มนุษย์ทุกคนได้ทำ หรือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนได้แก้ คือแก้ในสิ่งที่เรียกว่าปลายเหตุ กะสิ่งที่มนุษย์เรียกว่าแก้ที่ปลายเหตุ มนุษย์ก็แก้ทั้งชีวิต หาการหลุดพ้นอันนี้ไม่เกิด เวลาแก้เชือกหรือเวลาผูก ในเวลาที่มนุษย์ผูก มนุษย์ผูกที่เป็นเงื่อนกระตุก แต่ในเวลาที่เป็นเวรของมนุษย์แต่ละคน มนุษย์ผูกที่เรียกว่าเงื่อนตายในสิ่งที่มนุษย์ผูก ในสิ่งที่เรียกว่าเงื่อนตายทุกสิ่งทุกอย่างทำไปแล้วถอนไม่ได้ แต่เวลาที่ผูกภายนอกในเวลาต่างๆสำหรับมนุษย์ ที่เป็นเวรและเป็นกรรม มนุษย์ผูกแค่เงื่อนกระตุกเวลาผิดแล้วแก้ใหม่ ส่วนที่มนุษย์สร้างกรรมไว้สร้างเวรไว้ มนุษย์ผูกที่เรียกว่าเงื่อนตาย คือในสิ่งที่มนุษย์ผูกแล้วไม่สามารถแก้ได้ ไม่สามารถหลุดพ้นได้ เหมือนสิ่งที่มนุษย์ ในสิ่งต่างๆของการแก้แต่และอย่าง ถ้ามนุษย์รู้จักสิ่งที่เรียกว่าวาง คือการแก้รู้จักสิ่งที่ทำทุกอย่างต่างๆ คือการแยกแยะ ไม่ว่าจะเป็นวันอะไรก็ตามสำหรับมนุษย์ วันต่างๆ ทุกอย่างก็เหมือนเดิม มีแสงตะวันบ้าง ไม่มีบ้าง มีความสุขบ้าง ความทุกข์บ้าง ความวิตกบ้าง ความกังวลบ้าง ในสิ่งเหล่านั้นแม้แต่วันเกิดสำหรับมนุษย์ ไม่ใช่เป็นวันเกิดสำหรับมนุษย์ มนุษย์จะสุขในเวลาที่เรียกวัน มนุษย์ทุกข์มากมายทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะฉะนั้นวันอะไรก็แล้วแต่ แต่ในวันนั้นของชีวิตสำหรับมนุษย์แต่ละคน วางสิ่งที่ทุกข์ได้หรือยัง วางปัญหาได้หรือยัง วางเรื่องได้หรือยัง อันนั้นแหละคือสิ่งที่น่าจดจำมากว่า เป็นวันต่าง ๆ สำหรับมนุษย์ทุกคน วันที่มนุษย์ไม่ทุกข์ คือวันที่มนุษย์วางได้ วันที่หลุดพ้นคือวันที่มนุษย์แก้กรรม แก้เวรสำหรับมนุษย์ในปัจจุบันอันนี้ได้ วันต่าง ๆ ทุกอย่างไม่มีความหมาย ถ้ามนุษย์รู้จักวางด้วยจิตของมนุษย์เอง เหมือนวันในสิ่งที่เรียกภายนอกที่มนุษย์ตั้งขึ้นมาหลายสิ่งหลายอย่าง แต่ในวันเหล่านั้นสิ่งที่มนุษย์เรียกว่าวันสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นวันในกายสังขารหรือวันอะไรก็ตาม แต่ในวันที่มนุษย์หมดเวรหมดกรรม หมดเรื่องหมดปัญหาในวันนั้นของมนุษย์แต่ละคน ถามว่ามาถึงหรือยัง เพราะฉะนั้นเอาในวันนั้นของมนุษย์คือวันที่จดจำและให้มนุษย์ได้หลุดพ้นจากสิ่งที่เป็นกรรมและเป็นเวร ทั้งในอดีตหรือว่าในปัจจุบันชาติสำหรับมนุษย์ทุกคนต่าง ๆ ทุกอย่าง แม้แต่ในชีวิตสำหรับมนุษย์จะเจอเรื่องเจอปัญหา เจอสิ่งที่ดีและไม่ดีมามากมายในเมื่อเจอแล้วหายไป ดับไป เหลืออะไรไว้ เหลือความทรงจำ ในเมื่อเราจำแล้วไม่เกิดผลก็เหมือนในสิ่งที่เราแก้ในสิ่งที่ตัวเราหลุดพ้นเวรเมื่อไหร่กรรมเมื่อไหร่ สิ่งที่เราจำไว้เป็นเรื่องราวต่าง ๆ ทุกอย่าง ทั้งในอดีตหรือในปัจจุบันสำหรับมนุษย์ทุกคน ในส่วนเหล่านั้นดับสูญได้หมด เพราะฉะนั้นความทรงจำทั้งหลายในวันนี้ ในสิ่งต่าง ๆ ของมนุษย์ไม่เกิดผลมีค่าเท่ากันเพียงแต่จิตสำหรับมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นวันอะไรก็ตาม วางวาจาได้หรือยัง วางโทสะได้หรือยัง วางความวิตกกังวลได้หรือยัง อันนั้นคือสิ่งที่น่าจำมากกว่า บางครั้งหรือว่าทั้งโอกาส หรือว่าทั้งชีวิตของมนุษย์ก็ดี สรรพสัตว์ก็ดี การเวียนรอบโบสถ์ แต่ไม่ได้เข้าโบสถ์ แต่ถ้ามนุษย์เข้าขอในสิ่งต่าง ๆ ผลบุญต่าง ๆ กับการเวียนรอบโบสถ์ อันใดที่เกิดมรรคผล มากกว่ากัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำมนุษย์ได้แก้ส่วนที่อยู่ภายนอกรอบนอกรอบ ๆ เหมือนสิ่งที่เราเข้าไปอยู่ข้างในไม่ได้ ได้ในการหลุดพ้นไม่ได้ ได้แต่เวียนอยู่รอบๆบ้าง รอบโบสถ์บ้าง เพราะฉะนั้นความสำคัญต่างๆในวันนี้ การขอขอให้มนุษย์ได้หลุดพ้นเวรได้หลุดพ้นกรรม ไม่ใช่ว่าในสิ่งที่มนุษย์ไปเวียนในสิ่งต่างๆทุกอย่างถามว่าการเวียนเทียน เวียนเพื่ออะไร เวียนแล้วหลุดพ้นไหม หรือว่าเวียนแล้วไปเพิ่มเวรต่อ เหมือนที่เป็นมดก็ดี เฝ้าแต่ผลแต่ไม่ได้กิน เพราะฉะนั้นการเวียน สำหรับมนุษย์ไม่เกิดประโยชน์ ถ้ามนุษย์แต่ละคนไม่ได้วางด้วยวาจา วางด้วยจิต หรือว่าวางด้วยการกระทำภายนอก ทำให้รู้ว่ามนุษย์มีศรัทธาสูงรู้จักเป็นวัน แต่ภายในจิตของมนุษย์แล้วเนี่ย หลังจากเวียนแล้ว กลับไปด่า ไปว่า ไปบ่น ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เวรเนี่ยเดินตาม กรรมเดินตาม แล้วสิ่งที่มนุษย์ขอ ผู้มีอายุขัยและที่ไม่มีอายุขัยที่เป็นวัยรุ่นที่เป็นคู่ หรือว่าเป็นเวรขอมรรคผล ขอสิ่งต่าง ๆ ทุกอย่างมากมายในขณะที่เวียนรอบ แล้วในขณะที่ผู้มีอายุขัยในการเวียนรอบ ขอในสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้จิตสงบเพราะฉะนั้นการเรียนสำหรับมนุษย์แต่ละจิตทุกสิ่งทุกอย่าง ถามว่าสร้างเวรสร้างกรรมเพิ่มมากมาย บางคนขอให้เกิดกิเลส บางคนขอให้พ้นกิเลส บางคนเวียนแล้วขอมรรคผล บางคนเวียนแล้วขอให้ดีขึ้น บางคนเวียนแล้วขอให้เกิดสิ่งต่างๆแก่ตัวข้าพเจ้ามากมาย ในสิ่งเหล่านั้นมนุษย์ไม่ควรกระทำด้วย เพราะในขณะหรือว่าวันใดก็ตาม ในขณะหรือว่าวันนั้นของมนุษย์เนี่ย การหายใจของมนุษย์มากกว่าเดิม หรือว่าเท่าเดิมการหายใจของมนุษย์ก็เท่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นวันอะไรก็แล้วแต่ เพราะฉะนั้นเอาในขณะที่เรามีลมหายใจ แต่ละวันเท่าเดิมคือแก้เหมือนเดิม ไม่มีวันใดที่เรียกว่าพิเศษต่าง ๆ เกิดขึ้นก็ตาม เพียงแต่วันนั้นที่มนุษย์เรียกว่าวันพิเศษ คือวันที่มนุษย์ไม่ได้หายใจ อันนั้นเรียกว่าพิเศษ แต่วันที่เรายังหายใจเหมือนเดิม เดินเหมือนเดิม ทุกข์เหมือนเดิม ว้าวุ่นเหมือนเดิม ในสิ่งเหล่านั้นมนุษย์ก็ทำปกติ ธรรมดาสำหรับมนุษย์ต่างๆทุกอย่าง อย่าเอาจิตที่ดีสำหรับมนุษย์ไปเดินเวียนกับจิตกรรมทั้งหลาย จิตเวรทั้งหลาย ในสิ่งนั้นไม่เกิดประโยชน์ การเวียนของวัยไม่ว่าจะเป็นหนุ่มสาวก็ดี นัดกันเวียน นัดกันเจอ นัดแนะมากมายในสิ่งต่าง ๆ เพื่อความสนุกสนาน การเวียนของผู้มีอายุขัย คือวันนี้เป็นวันพระ วันต่างๆสำหรับมนุษย์ แต่ในวันที่มนุษย์ได้วางได้แก้ จากจิตสำหรับมนุษย์ วันนี้อารมณ์โทสะหรือสิ่งที่ขุ่นมัวของเรา วางได้หรือยัง อันนั้นแหละคือสิ่งที่จดจำ ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ยึดภายนอกต่าง ๆ ทุกอย่างมากมาย ยึดเวรทั้งหมดก็เกิดเวร ยึดกรรมทั้งหมดก็เกิดกรรม ไม่ว่าปัจจุบันหรือว่าสิ่งที่มนุษย์พยายามแก้ไขอยู่ การแก้ไขสำหรับมนุษย์ แก้ไขจากจิต แก้ไขจากการกระทำ แก้ไขจากวาจาต่าง ๆ ทุกอย่าง อันนั้นแหละคือมรรคผลที่เกิด มรรคผลของผลไม้เกิดจากต้น แต่มรรคผลของการวางได้ การปฏิบัติได้เกิดจากวาจา มรรคผลแห่งบุญทั้งหลายสำหรับมนุษย์คือการแก้ว่า แต่ละวันมนุษย์แก้ให้อะไร ทำให้แก่อะไร เหมือนสิ่งที่มนุษย์สะสมทรัพย์สมบัติไว้มากมาย มนุษย์สะสม มนุษย์แจกจ่ายทรัพย์สมบัติที่เป็นเปลือกนอกของมนุษย์หรือยัง แต่ส่วนที่ให้แจกจ่ายคือทรัพย์สมบัติอันนี้ผลบุญต่าง ๆ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งอดีตชาติ ทั้งตัวเรา ทั้งสรรพสัตว์และจิตวิญญาณ อันนี้แหละคือทรัพย์สมบัติที่ต้องแบ่งสรรปันส่วนกัน เอาผลบุญต่างๆแก้ให้ เอาสิ่งต่างๆทั้งหลายให้มนุษย์วางได้ หลุดพ้นจากเวรทั้งอดีตหรือปัจจุบันให้หลุดพ้น เพราะฉะนั้นทรัพย์สมบัติที่มนุษย์ควรแบ่ง คือสิ่งที่มนุษย์ได้ทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งอดีตหรือปัจจุบัน แต่ที่เป็นทรัพย์สินต่างๆสำหรับมนุษย์ ใช้หนี้เวรหนี้กรรมสำหรับมนุษย์ไม่ได้แบ่งไปแยกแยะไป แต่ละอย่างมนุษย์ที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้ก็ยังไม่หมดเวร แม้แต่แบ่งทรัพย์สมบัติให้เขาจนหมด ส่วนที่เป็นเวรเป็นกรรมของเราที่แบ่งให้ มนุษย์แบ่งให้ตัวเราบ้าง แบ่งให้เจ้ากรรมนายเวรบ้าง ทั้งอดีตหรือปัจจุบันที่เราสร้างไว้ทำไว้ในขณะนี้ อันนี้แหละคือการแบ่ง เพราะฉะนั้นในส่วนที่มนุษย์ทุกคนได้แต่ยึดในสิ่งที่ยึดคือทุกข์ ถามว่าเกิดอะไร เวรเดินตาม กรรมเดิมตาม แม้แต่เส้นสายก็ยึด เวลาที่มนุษย์ตึงต่อสิ่งต่างๆ เรื่องและปัญหาสิ่งที่อยู่ในการสังขาร เขาก็ตึงไปกับมนุษย์ด้วย ศีรษะก็ตึง ผมก็ตึง ไหล่ก็ตึงเพราะอะไร เพราะเวรต่างๆ ทุกอย่างรับรู้เรื่องและปัญหาสำหรับมนุษย์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันชาตินี้ของมนุษย์ทุกคนได้ทั้งหมด เหมือนมนุษย์นั่งขออยู่บ้าน โบสถ์อยู่ที่ไหน โบสถ์อยู่ที่ใด ศาลาอยู่ที่ใด เหมือนกับมนุษย์ มนุษย์เวียนเทียนเพื่ออะไร แต่ธรรมะเกิดขึ้นที่ตรงไหน เพราะฉะนั้นในสิ่งต่างๆของมนุษย์ก็ตาม เรานั่งรอน้ำอยู่ น้ำไม่ยอมขึ้น เรานั่งรอสิ่งต่างๆอยู่ สิ่งต่างๆไม่ยอมมาหาเรา เรานั่งรอผลบุญเกิด ผลบุญยังไม่เกิด ทั้งชีวิตสำหรับมนุษย์ได้แต่นั่งรอเหมือนการเวียนเทียนก็ดี เหมือนการยึดก็ดี ไม่ว่าจะเป็นวันอะไรก็ตามสำหรับมนุษย์ สิ่งเหล่านั้นไม่มีประโยชน์ เพราะมีแค่พื้นสำหรับภายนอก แต่สิ่งที่มีประโยชน์สำหรับตัวเรา และสิ่งที่เรียกว่ากายสังขารเราทุกสิ่งทุกอย่างจะดับสูญเมื่อไหร่ จะหลุดพ้นเมื่อไหร่ จะวางเมื่อไหร่ แก้ได้หรือยังในขณะนี้ที่มีประโยชน์แก่ตัวสำหรับมนุษย์มายมาย เวลาที่เราทำทรัพย์สินเรายังทำให้ตัวเรา เราทำให้คนอื่นหรือไม่ เราทำให้ตัวเราทั้งหมด แม้แต่ที่อยู่อาศัย เราก็ทำให้ตัวเรา แม้แต่สิ่งต่างๆ เราก็ทำให้ตัวเราทั้งหมด แต่เวลาที่เราทำบุญ เราทำให้ญาติของเรา เจ้ากรรมนายเวรทั้งอดีตทั้งปัจจุบัน ส่วนตัวของตัวเรา ทำไมเราไม่ทำที่อยู่ เหมือนทรัพย์สินที่เราทำ เราทำให้ตัวเรา แต่ทำไมผลบุญเราไม่ทำให้ตัวเราบ้าง เราแบ่งสิ่งต่างๆ เอาทรัพย์สินภายนอกที่เราหามา ทำเอากุศลผลบุญเข้าตัวเราบ้าง ให้กายสังขารของเราดี ให้จิตของเราวาง ให้สิ่งที่เรียกว่าการกระทำของตัวเราหลุดพ้นทั้งอดีตหรือว่าปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดต่างๆสำหรับมนุษย์ก็ตาม เวลาที่มนุษย์ขอ ขอให้หลุดพ้นเวร หลุดพ้นกรรม ในเวลาที่ขอ ขอที่ใด ในเวลาที่แก้ แก้ที่ใด ในเวลาที่หลุดพ้น หลุดพ้นที่ใด หลุดพ้นจากกายเรา วาจาเรา จิตเรา สังขารของตัวเรา สมณะใดก็ตามถ้าถึงการแก้สำหรับมนุษย์ ถึงสมณะนั้นอันนั้นแหละคือการหลุดพ้นที่เรียกว่าสมณะ ไม่ว่าจะเป็นสมณะใดก็ตาม การเวียนว่ายตายเกิดสำหรับมนุษย์ คือปกติธรรมดา แต่การแก้ไขจิตของตนเอง อันนี้ในสิ่งต่างๆ สำหรับมนุษย์ที่เรียกว่ายากกว่า ในสิ่งที่ยากกว่าสำหรับมนุษย์ ในส่วนเหล่านั้นให้มนุษย์ต่างๆ ทุกอย่างได้หลุดพ้นที่มนุษย์เรียกว่ายากมากมาย ถามว่าในชีวิตทั้งชีวิตของมนุษย์ มนุษย์เคยเจอแต่เรื่องจำเจก็ตามเลยเป็นการเคยชิน ในเมื่อมนุษย์เคยชินกับความจำเจต่างๆ ซ้ำซากก็ดี กับสิ่งที่เขาทำมาแบบนี้ แก้แบบนี้ หรือว่าสิ่งต่างๆมากมาย ถึงไม่เกิดผล ถึงไม่เกิดประโยชน์ เพราะฉะนั้นการแก้สำหรับมนุษย์ในปัจจุบัน ในสิ่งที่ให้แก้ ในสิ่งที่ให้ทำ ไม่ใช่ว่าแปลกใหม่สำหรับมนุษย์ แต่สิ่งที่ทำกันมาเนิ่นนานที่มนุษย์มาเปลี่ยนแปลงใหม่ สำหรับมนุษย์ในสิ่งต่างๆ ทุกอย่าง แม้แต่น้ำก็รักษากายของผู้ป่วยที่เป็นวัณโรคได้ เพราะในสิ่งเหล่านั้น ในการหาเลี้ยงกายสังขารในสิ่งที่บุคคลนั้นหาสิ่งที่เป็นอาหารมาเลี้ยงกายสังขารไม่ได้ แต่สามารถหาที่น้ำในส่วนเหล่านั้นมารักษาโรคที่อยู่ในกายสังขาร อันนั้นได้ด้วยจิตที่บริสุทธิ์ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็ตาม ในสิ่งที่เป็นกรรมและเป็นเวรสำหรับมนุษย์ในปัจจุบันของมนุษย์ต่างๆทุกอย่าง ถ้าจิตสำหรับมนุษย์ทำเหมือนอย่างที่เรียกว่าเป็นน้ำฝนก็ดี หรือเป็นน้ำที่กลั่นที่กรองแล้วก็ดี สิ่งที่เป็นน้ำที่เกิดจากจิตสำหรับมนุษย์ สามารถผ่านพ้นสิ่งที่เป็นน้ำต่างๆ น้ำเน่าน้ำเสียนี้มากมาย เพราะฉะนั้นการแก้ไขในสิ่งต่างๆ สำหรับมนุษย์ที่เป็นกรรมทั้งหลาย เป็นเวรทั้งหลาย ทั้งอดีตชาติก็ดีในปัจจุบันชาติก็ดี สำหรับมนุษย์ทุกคน ถามว่าในวันนี้คือวันอะไรสำหรับมนุษย์ทุกคน วันนี้คือวันแบ่งทรัพย์สมบัติ เอาสิ่งที่มนุษย์แบ่งไว้สร้างไว้เพื่อตัวเอง ในส่วนเหล่านั้นออก เอาสิ่งที่มนุษย์แบ่งเอาผลบุญ แบ่งเอาเวร แบ่งเอากรรม ทั้งอดีตภพภูมิต่างๆ ทุกอย่างเข้ากายเข้าจิตสำหรับมนุษย์ ในวันที่มนุษย์เรียกว่า วันวิสาขบูชา หมายถึงอะไร อันนั้นตั้งขึ้นมาทีหลัง ตั้งขึ้นเพื่อให้มนุษย์มีจิตถึงบุญ อันนั้นว่าในการที่แก้ได้ การวางได้ การหลุดพ้นได้หมด วันนั้นไม่มีใครรู้ แม้แต่ตัวสำหรับมนุษย์เอง มนุษย์จะรู้ในวันที่มนุษย์หลุดพ้น เพราะฉะนั้นในวันที่มนุษย์รู้ในที่หลุดพ้นต่างๆทุกอย่างๆได้ ในสิ่งใดเล่าที่จะให้มนุษย์ได้พูดก็ดีได้บอกก็ดี นอกจากตัวของมนุษย์ จะหลุดพ้นด้วยจากการกระทำ สำหรับมนุษย์ต่างๆ ทุกอย่างที่เป็นเกิดอยู่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม การเดินเวียนที่เรียกว่ารอบโบสถ์ เวียนรอบทุกโบสถ์ ถามว่าเวรเกิดขึ้นเท่าใด เวรเกิดขึ้นมากมาย มนุษย์รู้ธรรมะต่างๆทุกอย่าง ในการเวียนหมายถึงอะไร การเวียนรอบโบสถ์ในวันนี้หมายถึงอะไร การเวียนรอบโบสถ์ในสิ่งต่างๆของมนุษย์ทุกคน เวียนเพื่อให้จิตสำหรับมนุษย์ได้วางได้ ได้ปฏิบัติได้ ได้หลุดพ้นได้ เหมือนหาทางออก หาทางที่จะหลุดพ้นทำพิธีต่างๆ เพื่อให้จิตเราสงบ แต่เวียนไปวาจาเราเกิดไป อารมณ์โทสะเกิดหมด ไปเวียนไม่หลุดพ้นหรอกมนุษย์ กลับได้เวรมากขึ้นๆ ได้กรรมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็ตาม เพราะฉะนั้นการแก้สำหรับมนุษย์ทุกคน คือทำให้จิตของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นวันใดก็แล้วแต่ ทำจิตให้ว่างเปล่าวันนั้นแหละคือการหลุดพ้นสำหรับตัวของมนุษย์ต่างๆ ทุกอย่าง ดูแบบอย่างไม่หลุดพ้นหรอกมนุษย์ ถ้ามนุษย์ทำเยี่ยงอย่างแล้วถึงหลุดพ้น มนุษย์ได้แต่ทำแบบอย่างก็ดี สรรเสริญก็ดี การสรรเสริญในส่วนเหล่านั้นไม่หลุดพ้นเท่ากับมนุษย์ได้แก้เอง ได้วางเอง ปฏิบัติเอง เหมือนเรานั่งยกย่องบุคคลอื่นมากมาย แต่ในส่วนเหล่านั้น ตัวเรา ถามว่าในสิ่งที่เรายกยอบุคคลอื่น ตัวเราทำแบบเขาได้ไหม ตัวเราก็ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นในสิ่งต่างๆ ของวันนี้ คือให้มนุษย์หลุดพ้นด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นวันอะไรก็ตาม สำหรับสิ่งต่างๆ ทุกอย่าง การยกยอปอปั้นต่างๆ ทุกอย่าง สำหรับมนุษย์ทุกคน ในส่วนต่างๆ คือแค่รับฟัง แต่ตัวสำหรับมนุษย์เองแต่ละคน ในสิ่งเหล่านั้นไม่ควรนำไปเพราะไม่เกิดสิ่งต่างๆทุกอย่าง แก่การวาง แก่การแก้ สำหรับตัวมนุษย์เลย เวลาจุดธูปหน้าศพจุดธูปว่าอะไร การขออย่าให้มีเวร การขออย่าให้มีกรรมทุกสิ่งอย่าง ทั้งในอดีต ทั้งในปัจจุบัน ที่เป็นเวรทั้งหลายที่เป็นกรรมทั้งหลาย (มีบุคคลถามหลวงพ่อว่าในสมัยพระพุทธเจ้ามีวันที่มีเดือนมีปีหรือไม่) หลวงพ่อตอบว่าไม่มี ถามว่าการวางได้ การแก้ได้ การหลุดพ้นในส่วนเหล่านั้นเหมือนภาพวาด หลวงพ่อถามว่าภาพวาดต่างๆที่เกิดอยู่เป็นอยู่ทุกสิ่งอย่าง เกิดจากจินตนาการ ในเมื่อมนุษย์จินตนาการขึ้นมา หลายสิ่งหลายอย่าง เวรถึงได้เกิดขึ้นมากมาย สิ่งต่างๆถึงได้ผิดเพี้ยนมากมายเพราะอะไร เพราะสิ่งที่มนุษย์เรียกว่ารู้บ้าง ต้องทำอย่างนี้บ้าง ต้องแก้อย่างนี้บ้าง ต้องเอาปัจจัยต่างๆทั้งหลายเข้าวัดบ้าง ถามว่าเป็นกรรมและเวรมากมายเพราะอะไร ในสิ่งที่ทำ ในสิ่งที่แก้ ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย ในส่วนเหล่านั้น พระภิกษุสงฆ์สร้างที่อยู่อาศัยเองไม่ได้ แต่ในสิ่งปัจจุบันนี้ พระภิกษุต้องเรียกร้อง ในการสร้างที่อยู่อาศัย สร้างความสะดวกสบายให้กายสังขารมากมายเป็นเพราะอะไร ในเมื่อสิ่งต่างทุกอย่าง เกิดจากสิ่งที่เรียกว่าผลบุญ มนุษย์เหล่านั้นเป็นคนสร้าง มนุษย์เหล่านั้นเป็นคนหา ส่วนพระภิกษุสงฆ์ต่างๆ มีหน้าที่เข้าปฏิบัติด้วยวางด้วย ไม่มีสิทธิ์เรียกร้อง เอาทรัพย์สมบัติของมนุษย์ต่างๆทุกอย่าง เพื่อไปสร้างซ่อมแซมต่างๆ หรือว่าบูรณะต่างๆทุกอย่าง อันนี้เขาเรียกว่าเกิดกิเลส ทุกอย่างไม่มีสิ่งใดในส่วนเหล่านั้นสำหรับมนุษย์ทุกคน แม้แต่ชื่อเราเขายังแต่งขึ้นมา แม้แต่สิ่งต่างๆทุกอย่างเกิดขึ้น ทุกอย่างเรายังจินตนาการขึ้นมา หลวงพ่อถึงได้เทศน์มนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นวันใดก็ตาม วันที่เราไม่ทุกข์ วันที่เราไม่ด่า วันที่เราไม่ว่า วันที่เราไม่มีปัญหาและเรื่อง วันนั้นคือวันหลุดพ้นทุกข์ วันที่เรายังมีลมหายใจ หายใจเหมือนเดิม เท่าเดิม แต่ในวันนั้น ขณะสำหรับมนุษย์ ในการแต่งตั้งวันต่างๆสำหรับมนุษย์ทุกคน เหมือนทั้งเจ็ดวันสำหรับมนุษย์ เพื่อให้มนุษย์มีวันหยุดที่เรียกว่าพักกายของสังขารสำหรับมนุษย์ แต่ไม่มีวันพักจิต ส่วนในการกระทำเกี่ยวกับศาสนา ส่วนต่างๆ คือในวันที่ให้มนุษย์มาพักจิต เป็นเวลาเช้าบ้าง เป็นเวลากลางคืนบ้าง เป็นเวลาต่างๆสำหรับมนุษย์ ที่กำหนดไว้มากมาย เพื่อให้จิตของมนุษย์ ได้ผ่อนคลายจากเรื่องและปัญหาต่างๆ ให้หลุดพ้นจากเวรและกรรม ให้เอากุศลผลบุญ เข้าไปวางในจิต ให้มนุษย์มีจิตที่ดี ไม่ให้ก่อการร้ายต่างๆทุกอย่าง ที่เป็นเวรเป็นกรรม ในการเข่นฆ่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย ในการแก้แค้นทั้งหลายเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นวันอะไรก็ตาม วันต่างๆทุกอย่างเกิดขึ้นหมด บางครั้งกายสังขารสำหรับมนุษย์แต่ละคนบ่งบอกว่าเป็นมนุษย์ แต่ถ้ามนุษย์รู้ว่าจิตวิญญาณในกายสังขาร ไม่ว่าจะเป็นตัวเราหรือว่าเป็นสิ่งต่างๆ ทั้งหลายที่อยู่ตามทั่วไปก็แล้วแต่ แต่ในส่วนที่มนุษย์เรียกว่าสรรพสัตว์ อย่าไปยึดวรรณะว่าชั้นใดภูมิใด แต่ละอย่างก็ตาม ส่วนที่แก้ในส่วนที่ทำหรือว่าในส่วนที่วางของแต่ละคนก็ตาม วางด้วยจิต ทำด้วยกายสังขารหลุดพ้น จากสิ่งที่วาง ที่แก้แต่ละวันในสิ่งที่มนุษย์ทำได้
ถ้ามนุษย์ทำสิ่งใดก็แล้วแต่ ถ้ามนุษย์ไม่หวังที่ว่าผล ความสุขเกิด แต่ถ้าหวังผล ความทุกข์เกิดเพราะฉะนั้นการเลือกสำหรับมนุษย์แต่ละคน แต่ละคนเลือกไม่เหมือนกัน บางคนเลือกใบ บางคนเลือกดอก บางคนเลือกผล เพราะฉะนั้นในสิ่งที่มนุษย์แต่ละคนได้แก้ ได้ทำ ได้วาง หรือว่าได้รู้ สิ่งต่างๆของมนุษย์ได้ด้วยตนเอง ทำให้เรารู้ค่าของตัวเรา ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอยู่ เกิดอยู่ หรือว่าปัจจุบัน หรือว่าประจำวันของตัวเราต่างๆทุกอย่าง ที่เป็นอยู่ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะในชาติใดภพใดภูมิใดทุกสิ่งทุกอย่างก็ตาม ถ้ามนุษย์รู้จักการแก้ การแก้กับการขอร้อง สำหรับมนุษย์ต่างกัน เวลาที่มนุษย์ขอร้องอย่ามีเรื่องกัน แต่ในขณะที่เราแก้เวรหรือแก้กรรมเราไม่ได้ขอร้อง เราเอากุศลผลบุญให้ คือเราทำเลยแต่การที่เรายังขอร้องอยู่ เรายังพูดอยู่ แต่ในส่วนเหล่านั้น เขาเรียกว่าแค่ระงับ แต่ถ้าเรารู้จักเอากุศลผลบุญให้แก่บุคคลที่เกลียดเราหรือว่าไม่พอใจเรา เราก็สามารถเอากุศลผลบุญที่เราทำในวันนี้ให้แก่ชื่อนี้นามสกุลนี้ ถ้าเราให้เขาแล้ว เขายังเกลียดต่อเราก็ให้เขาอีกให้จนกว่าเราจะวางจิตไม่ยึดติดได้ อันนั้นแหละคือการหลุดพ้นต่างๆทุกอย่าง ที่เป็นเวรและเป็นกรรมของตัวเองในแต่ละชั้นวรรณะ แต่ละภพ แต่ละภูมิ หรือว่าสิ่งต่างๆของตัวเราอีกต่อไป เพราะฉะนั้นวันใดบ้างที่เราหยุด ที่เรียกว่าอาหาร วันใดบ้างที่เราหยุดหายใจ วันใดบ้างที่เราหยุดวาจา วันนั้นคือสิ่งที่เรียกว่าสว่าง ไม่ใช่สว่างจากแสงอาทิตย์ หรือว่าสว่างจากแสงไฟ แต่เป็นแสงสว่างที่อยู่ในจิตของตัวเรา ที่เราหยุดสิ่งต่างๆไม่ดีได้จากการปฏิบัติของตัวเรา หรือว่าการแก้ต่างๆของตัวเราทั้งอดีตก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี หรือว่าภพภูมิต่างๆ ของตัวเรา ของแต่ละวันก็ตาม การรู้ปัญหาคือการแก้ การรู้จักสิ่งที่ทำต่างๆทุกอย่างคือการปฏิบัติ การละจากสิ่งที่อยู่ในจิตของตัวเราได้ การวางได้ อันนั้นแหละคือการหลุดพ้นต่างๆ ทุกอย่างไม่ใช่หลุดพ้นกาย กายของมนุษย์จะแต่งสีใดก็แล้วแต่อันนั้นคือภายนอก แต่การหลุดพ้นในจิตสำหรับมนุษย์ ใครเข้าไปนั่งในจิตเรา ไม่รู้ว่าเราคิดอย่างไร เราทุกข์แค่ไหน เราว้าวุ่นแค่ไหน เราทุกข์เรื่องอะไร ไม่มีใครรู้ รู้แต่แค่กายของเรา แต่งชุดขาว กายของเราสะอาด สีในสิ่งที่นุ่งห่มที่มนุษย์เรียกแล้วคือสิ่งที่มนุษย์ยึดติด อันนั้นคือกายภายนอก แต่ถ้ามนุษย์หยั่งรู้จิต เหมือนอย่างที่เป็นเจ้ากรรมนายเวร หรือว่าจิตวิญญาณต่างๆทุกอย่าง มนุษย์ก็จะรู้ว่าความน่ากลัวของจิตวิญญาณทั้งหลาย ที่อาฆาตพยาบาท ทั้งหลายที่จองเวรจองกรรมแก่ตัวเรา อันนี้มีมากมาย แต่ถ้าพูดถึงมนุษย์คนนี้ไม่ถูกตาบ้าง คนนี้ไม่ชอบหน้าบ้าง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเรายังเป็นอยู่ เกิดอยู่ มนุษย์ยังมีทุกคน เพราะฉะนั้นถามว่าแก้อย่างไร แก้ด้วยการวางให้หลุดพ้นจากจิต เราไม่เกลียดตอบ เราไม่พอใจในส่วนเหล่านั้นที่เขาเกิดความไม่พอใจเรา เราก็ไม่เอาความไม่พอใจในจิตเรามาใส่ใจเรา เรารู้จิตเขาว่าเขาไม่พอใจ เราก็วางเราที่เรียกว่าไม่พอใจตอบสิ่งที่เขาให้เรา เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้มันก็ไม่ถึงจิตของเรา ไม่เข้ากายเรา ไม่เข้าหูเรา ไม่เข้าตาเรา ไอ้สิ่งที่เขาแสดงคนเดียวความไม่พอใจทั้งหลาย เขาเป็นของเขาคนเดียว แต่ส่วนเรา เราได้ในการวาง เมื่อรู้ว่าเขาไม่พอใจเราก็ไม่ได้ยึดติด เราก็วางชั่งเขาเรื่องเขา ไม่อยู่ในจิตของเราเลย จิตของเราคือไม่ทุกข์กับสิ่งที่เขาทุกข์อยู่คือ เขามีอารมณ์ที่ขุ่นมัวอยู่ในเมื่อเห็นเรา เพราะฉะนั้นถ้าเราวางส่วนนี้ได้ มนุษย์ก็จะพ้นเวรในสิ่งที่อยู่ภายนอก ที่เป็นมนุษย์หรือที่ว่าไม่พอใจก็ดี ที่เกลียดก็ดี ที่ไม่ชอบหน้าก็ดี ทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ช่วยเรา เราก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้ ไม่รู้จะเอากุศลผลบุญให้แก่สิ่งใด เพราะฉะนั้นการแก้เวรสำหรับมนุษย์ทุกคน แก้ในปัจจุบัน การหลุดพ้นก็คือในชาตินี้ อย่าไปรอถึงชาติหน้า ภพหน้า ภูมิหน้า มนุษย์จะเรียกว่าทำบุญเอาไว้ชาติหน้า ถามว่าเป็นเพราะอะไร แล้วชาตินี้ที่ยังทุกข์อยู่ วิตกกังวลอยู่ ว้าวุ่นอยู่ ถามว่าเอาไปไว้ตรงไหนหรือว่าให้มันเกิดจนตาย แม้แต่ขณะตาย มันก็ยังเกิดอยู่ มันก็ยังทุกข์อยู่ ถ้าเรายังไม่ดับความทุกข์ ดับความกังวล ดับความว้าวุ่น ดับเรื่อง ดับปัญหา ก่อนที่กายสังขารของตัวเราจะดับ แม้แต่กลายเป็นจิตวิญญาณไอ้สิ่งที่เราเป็นอยู่ในขณะนี้ โทสะโมหะเวรทั้งหลาย กรรมทั้งหลาย มันก็จะติดไปกับจิตวิญญาณของตัวเราด้วยชั่วภพภูมิ ชั่วกัปชั่วกัลป์ของตัวเราตลอดไป ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดทั้งหลายต่างๆทุกอย่าง สำหรับมนุษย์แต่ละคนก็ตาม เพราะฉะนั้นสิ่งใดที่เปิด คือจิตสำหรับมนุษย์ สิ่งใดที่ปิด ก็คือจิตสำหรับมนุษย์ ถามว่าก๊อกน้ำในเวลาที่มนุษย์ต้องการน้ำ มนุษย์เปิด ในขณะที่มนุษย์ไม่ต้องการ มนุษย์ก็ปิด เพราะอะไรหมดเปลือง แต่ธรรมะที่หลวงพ่อเทศน์เปิดทั้งหมด ไม่ว่ามนุษย์จะต้องการหรือไม่ต้องการก็แล้วแต่ เพื่อไปเปิดสิ่งที่เป็นเวรและกรรมของตัวเราในสิ่งต่างๆให้แก้ได้ ให้หลุดพ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดทั้งหลายก็ตาม ในปัจจุบันชาติของมนุษย์แต่ละคนหรือว่าของทุกๆคน ถามว่าข้าวปลาอาหาร เรายังหามาเลี้ยงกาย ธรรมะที่หลวงพ่อให้มนุษย์ก็คืออาหารมาเลี้ยงจิต ให้เรารู้จักแก้ ให้เรารู้จักวาง ให้เรารู้จักหลุดพ้น สิ่งต่างๆที่ไม่ดีทั้งหลาย จากสิ่งที่เรามองไม่เห็น ไอ้สิ่งที่เรามองเห็น เราบอกใครให้แก้ได้ บอกใครให้ทำได้ บอกได้ทุกคน แม้แต่ไม่มีศีลเราก็บอกได้ อันนี้ช่วยเขี่ยตาให้ที อันนี้เราบอกได้ทุกอย่าง แต่ใครที่จะไปแก้เวร บอกให้เราใช้หนี้เวรได้ หนี้กรรมได้ทั้งอดีตชาติ ปัจจุบันชาติ เพราะไม่มีกายสังขารให้เราเห็น แต่ในที่มีกายมา ก็เอาโทสะมาด้วย เอาอารมณ์มาด้วย เอาความขุ่นมัวมาด้วย เอาสิ่งที่ไม่ดีมาพร้อมกับกายสังขาร ของทุกสิ่งทุกอย่างของตัวเรา ไม่ว่าจะอยู่ชั้นใด ภพใด ภูมิใด หรือว่าสิ่งใดของมนุษย์ แต่ละคนก็ตาม เพราะฉะนั้นเวรของมนุษย์ กรรมของมนุษย์ในปัจจุบัน อย่าไปหลงในสิ่งที่เราเชื่อ เขาทำกันมาแบบนี้ แต่ถามใครซิที่แก้เวรแก้กรรม วางจากสิ่งที่เป็นโทสะ วางจากอารมณ์ที่ขุ่นมัว เป็นกันมาที่เรียกว่าถึงบรรพบุรุษ บรรพบุรุษก็ยังเป็นอยู่ต่อมา สืบเนื่องกันมา เพราะอะไร เขาพยายามหาทางแก้ พยายามหาทางหลุดพ้น นั่งสมาธิบ้าง ยึดสิ่งต่างๆมากมาย เพื่อต้องการที่เรียกว่าเอาจิตของเราไม่ทุกข์ เขาค้นหาขวนขวาย แต่ในธรรมะที่มนุษย์ได้ยินได้รู้เอง หรือว่าได้แก้เอง ได้ฟังเอง มนุษย์กลับไม่ค่อยสนใจ แต่ไอ้ที่ขวนขวายกลับไม่รู้ เพราะฉะนั้นก็เหมือนกับเราหาทรัพย์สมบัติ เราหาเนี่ยไม่ได้ แต่ไอ้ที่ใช้ปัญญาฉ้อโกงบ้าง หรือว่าใช้สติปัญญาต่างๆ โดยไม่ได้เอากายทำ แต่เอาปัญญาทำให้เกิด อันนั้นเนี่ยเขาแค่ใช้ปัญญา แต่ตัวเราต้องใช้วาจาด้วย ใช้กายด้วย ใช้โทสะด้วย โมหะต่าง ๆ ทุกอย่าง ถามว่ารวยไหมมันก็ไม่รวย ใช้ทั้งกายทำก็แล้ว วาจาด่าก็แล้ว วาจาแช่งก็แล้ว เหนื่อยก็ว่าแล้ว ถามว่าทำไมไม่รวยสักที แต่ทำไมไอ้ที่ใช้ปัญญากายไม่ได้ทำ ใช้วาจาทุกอย่าง พักเดียวได้มาไม่รู้เท่าไหร่ ถามว่าเหมือนกันไหม ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเหมือนสิ่งที่ทำบุญ ในสิ่งที่หลวงพ่อเทศน์ เหมือนการยึดกาย เห็นกายเขาดี อันนี้อยากอยู่สบายอย่างเขาได้แค่นั้นเองมนุษย์ แต่ไอ้ที่เขาอยาก เรียกว่าเขารวยแล้ว เขาก็อยากหลุดพ้น เขาอยากได้เหมือนมนุษย์ แต่เขายังทำไม่ได้ วางไม่ได้ ยังยึดติดในทรัพย์สมบัติอยู่ ว่าอันนี้ยังทิ้งไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นบุคคลใดก็แล้วแต่ที่ชอบพูดว่า รวยก่อนแล้วค่อยปฏิบัติ ค่อยทำ ค่อยแก้ อันนี้ไม่เกิดมรรคผลหรอกมนุษย์ เพราะไอ้ที่รวยกว่าจะมาปฏิบัติ ห่วงทรัพย์สมบัติแล้ว ห่วงกลัวใครจะมาขโมยแล้ว กลัวว่าไม่มีใครเฝ้าทรัพย์สมบัติบ้าง เขาเรียกว่าอะไร เขาเรียกว่าหาทางออกไปอีกแล้ว เหมือนปลา ปลาในสิ่งที่มนุษย์อยู่แม่น้ำเวลาแห้ง เขาก็หาที่เป็นโคลนเป็นตมอยู่ พอมนุษย์จับได้ มนุษย์ก็มาขังไว้ในตุ่มบ้าง มาขังไว้ในท้องของมนุษย์บ้าง ถามว่าขังอะไร ขังที่เป็นอาหารหวานคาวของตัวเราทั้งหมด เหวอะไรก็ถมได้ แต่เหวที่อยู่ในท้องของมนุษย์ ถมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม เป็นเพราะอะไร กินกันมาตั้งแต่เกิดจนขณะนี้ยังไม่เลิกกินกันเลย ถามว่าถมได้ไหม ถมไม่ได้เหมือนจิตของมนุษย์ ในสิ่งที่วางมนุษย์ก็ยังวางไม่ได้ ยังแก้ไม่ได้ ยังหลุดพ้นไม่ได้ แต่ที่กายการกินอยู่สำหรับมนุษย์ ทุกอย่างอิ่มเดี๋ยวเดียว เดี๋ยวหิวอีกแล้ว แล้วอิ่มอย่างเดียวไม่พอ เดี๋ยวหวาน เดี๋ยวเปรี้ยว เพราะอะไร สำหรับมนุษย์มีทั้งหวาน ทั้งเค็ม เพราะฉะนั้นทำไมไม่กินข้าวอย่างเดียว ทำไมต้องมีขนมบ้าง น้ำบ้าง มีทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเพราะอะไร เป็นเพราะความอยาก ความอยากในรสชาติต่าง ๆ ที่อยู่ในที่เรียกว่ากาย หรืออยู่ที่ลิ้นของเรา เราไปยึดติดซะ ถ้าลิ้นเราไม่มีเหมือนอย่างที่เป็นจระเข้ มนุษย์ก็เรียกอีกอย่าง ตะกละตะกลามมีเท่าไหร่กินหมด การแก้ไขต่างๆทุกเรื่องหรือว่าปัญหาสำหรับมนุษย์ทุกคน มันอยู่ในจิตของมนุษย์ทุกคน ว่าแก้ไขหรือยัง วางหรือยัง ละหรือยัง ถ้ายัง ตัวเรายังมีความโลภอยู่ เรายังมีความโกรธอยู่ ความขุ่นมัวอยู่ ความวิตกกังวลอยู่ เราควรจะเอาออกอย่างไร โดยที่มนุษย์เรียกว่าอะไร ปูแสมก็ดี ปูลมก็ดี มีหลายชื่อหลายเผ่าพันธุ์ แต่ในส่วนเหล่านั้นถามว่า เกิดมามีกรรมเหมือนกันไหม อันนี้มี ต้องเกิดมาเป็นอาหารของมนุษย์ ต้องตกเป็นอาหารของสรรพสัตว์ใหญ่ เพราะฉะนั้นจะเป็นสิ่งใดก็แล้วแต่ สำหรับมนุษย์แต่ละคน การที่มนุษย์เกิดมา ถามว่าในขณะนี้ เวลานี้ ตัวมนุษย์ตกเป็นอะไร ตัวของมนุษย์แต่ละคนที่มีกายสังขาร ตกเป็นอาหารของเวรและกรรมที่อยู่ในจิต ของมนุษย์แต่ละคนก็ตาม เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นสิ่งใด หรือว่าส่วนใด หรือว่าสิ่งต่างๆของมนุษย์แต่ละคน ถ้ารู้จักสิ่งว่า พอ ความพอมันพอในจิตของมนุษย์ แต่ในสิ่งที่มนุษย์เอาออกมา เวรเอาออกมาก่อน ที่เรียกว่าความพอจะเกิด มีความพอดี ในเมื่อน้ำเต็มแก้ว เมื่อถึงเราเปิดเต็ม ความเต็มเหล่านั้นก็คงที่ แต่ถ้าเราไม่มีความพอดี ความอยากของมนุษย์ ในเมื่อน้ำเต็ม เราก็เปลี่ยนแก้วใหม่เอามารองไว้ ในเมื่อเต็มอีกเราก็เปลี่ยนไปใส่ภาชนะที่ใหญ่กว่า ที่เรียกว่ากักตุนไว้ ถามว่าในส่วนเหล่านั้น ต่างๆทุกอย่าง เรายังกอบโกย ไอ้สิ่งที่อยู่ภายนอกเพื่อตัวเรา แต่ผลบุญที่หลวงพ่อให้แก่มนุษย์แต่ละคน ได้หลุดพ้นก็ดี ได้แก้ก็ดี ได้วางก็ดี ได้ปฏิบัติก็ดี ว่าเราลองทำซิว่าในชาติปัจจุบัน ความหลุดพ้นเป็นอย่างไร การแก้แต่ละวันเป็นอย่างไร เรามีจิตที่นิ่ง เรามีจิตที่ว่างเปล่า เรามีจิตที่ไม่ทุกข์ อันนั้นแหละคือการแก้ของมนุษย์ ต่างๆ หรือว่าทุกคน ไม่ว่าจะเป็นส่วนใด หรือว่าส่วนต่างๆของมนุษย์ก็ตาม เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นจิตวิญญาณใดก็แล้วแต่ ในสิ่งที่เป็นญาติของแต่ละคน หรือว่ามาฟังธรรมในวันนี้ ไม่ว่าจะอยู่ในขุมไหน ภูมิใด ชั้นใด วรรณะใด หรือว่าสิ่งต่างๆทั้งหลาย ขอในส่วนที่ได้วาง ขอในส่วนที่ได้แก้ ของในวันนี้ ขอจงได้แก่จิตวิญญาณนั้นๆ ของแต่ละชั้น แต่ละภพ แต่ละภูมิ ไม่ว่าจะเป็นบุพการี หรือเป็นพ่อเป็นแม่ เป็นญาติทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ยังไม่ได้ผุดได้เกิด ที่ได้เกิดเป็นสรรพสัตว์ ต่างๆทั้งหลาย ก็จงได้รับ การอโหสิเวร การอโหสิกรรม ในส่วนที่เป็นบุตรทุกอย่างเป็นต้นไป หรือจิตวิญญาณใดที่อยู่ในกายที่เรียกว่าต้นไม้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น