๒. การถอน จิต อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดที่เป็นเวร
ดังที่เคยเกริ่นแล้วว่าคนเราประกอบไปด้วยสองส่วน กายสังขารและจิตวิญญาณ คนเราที่เป็นพ่อ แม่ ลูก หรือ ญาติพี่น้องกัน ถือเป็นญาติกายกันเท่านั้น ส่วนจิตวิญญาณหรือความนึกคิดของแต่ละบุคคลยังเป็นจิตของใครของมัน ดังเช่น การเลี้ยงดู อบรมสั่งสอนลูก ลูกบางคนก็พูดง่าย เข้าใจง่าย แต่บางคนก็ดื้อรั้นไม่ฟัง นั่นเป็นเพราะจิตวิญญาณของเขาจะเป็นตัวตัดสิน เราจึงเคยได้ยินคนเก่าคนแก่พูดให้ฟังบ่อยๆว่า “เลี้ยงลูกเลี้ยงได้แต่ตัวเท่านั้น” อาจารย์เทศน์ว่าจิตวิญญาณของสรรพสัตว์ในโลก ไม่ว่าจะอยู่ภพไหน ภูมิไหน ไม่มีแตกสลาย สิ่งที่ติดตามจิตวิญญาณของแต่ละดวงไปคือกรรมดีและกรรมไม่ดี ถ้ากรรมไม่ดีหรือมีเจ้ากรรมนายเวรมากก็จะทำให้จิตวิญญาณมีอารมณ์มีความรู้สึกที่เป็นทุกข์ หรืออาจถึงขั้นเจ็บไข้ได้ป่วยโดยไม่รู้สาเหตุและไม่สามารถรักษาให้หายขาด ตอนนี้ดิฉันจะขอเล่าเฉพาะเรื่อง การถอน จิต อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดที่เป็นเวรที่ได้ฟังจากอาจารย์และได้ปฏิบัติมาด้วยตนเองให้ฟังก่อน
อาจารย์ชี้ทางสว่างว่า “ถ้าเรามีจิตอารมณ์ ความรู้สึกที่เป็นทุกข์ เราก็ควรจะถอนจิตอารมณ์ที่เป็นทุกข์นั้นๆออกเสียจากตัวของเรา เมื่อถอนแล้วจิตที่ขุ่นมัวเป็นกังวลก็จะใสขึ้น แต่ถ้าถอนแล้วยังเป็นทุกข์อีก ก็ทำถอนอีก ทำอยู่ทุกครั้งที่มีความรู้สึกที่ไม่ดี แล้วจิตอารมณ์ของเราจะว่าง สบายขึ้นเอง” คุณฉัตรแก้วเปรยขึ้นกับดิฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้ตอนขับรถกลับจากสวดมนต์ว่า “การถอนนี่ก็เหมือนกับการสารภาพบาปของศาสนาคริสต์นะ” ดิฉันก็รับว่า “ใช่” วันนั้นดิฉันรับฟังที่อาจารย์เทศน์มาก็คิดว่าเข้าใจ อาจารย์จะพูดเรื่องการถอนเป็นประจำ ดิฉันก็ฟังและดูท่าจะเข้าใจเหมือนเช่นเคย แต่ก็ไม่เคยนำไปปฏิบัติ นี่ถ้าจะประเมินความสามารถในการเรียนรู้ของดิฉันคงเป็นขั้นแรกเท่านั้นคือ ขั้นรับรู้ (Know) เพราะไม่คิดจะจำและนำไปใช้เลย
อยู่มาวันหนึ่งเรื่องก็เกิดกับดิฉัน วันนั้นเป็นวันทำบุญให้กับจิตวิญญาณของพี่เฟิสท์ วันนั้นวันอาทิตย์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ เราเลี้ยงพระเช้าและทำพิธีบรรจุกระดูกลูกที่วัด หลังจากเสร็จพิธีเราก็กลับบ้าน ดิฉันรู้สึกเหนื่อยเพลีย หนักๆใจไม่อยากทำอะไร จึงขอนอนพัก นอนสักพักก็มีช่างมาติดรางน้ำที่บ้าน จึงลุกขึ้นมาดูว่าใครทำอะไร จู่ๆเพื่อนคนที่ไปสวดมนต์ด้วยกันก็โทรมาบอกให้ดิฉันโทรไปหาอาจารย์ ดิฉันถามว่า “โทรตอนไหน” เขาบอกว่า “ตอนนี้เลย” โทรไปครั้งแรกสายไม่ว่าง สักพักดิฉันจึงโทรไปใหม่ ครั้งนี้อาจารย์รับสาย ดิฉันก็ถามว่า “อาจารย์มีอะไรจะแนะนำดิฉันหรือคะ” อาจารย์ถามว่า “ใจเราคิดอะไรอยู่ เห็นคิดตั้งแต่เมื่อวาน ทำไมจึงไม่หยุดคิดสักที หยุดเสีย อะไรทั้งหลายทั้งปวงจบไปหมดแล้ว” อาจารย์แนะนำให้ ขออโหสิเวร ขอถอนจิต อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดต่างๆที่ไม่ดีออกเสีย ให้จบกัน ทำถอนซะใจเราจะสบายขึ้น ส่วนเขาจะได้ไปดีมีความสุข ดิฉันถามว่า ‘การแก้ต้องทำอย่างไรบ้างคะ’ อาจารย์แนะให้ จุดธูป ๓ ดอก ท่องนะโม ๓ จบ แล้วอธิษฐาน ขออโหสิเวร ขอถอนจิต ต่างๆที่ไม่ดี อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดต่างๆที่เป็นเวรทั้งหลาย อาจารย์ยังแนะนำให้ดิฉันบอกแฟนของพี่เฟิสท์ ให้ทำถอนด้วยเช่นกัน ดิฉันทำแล้วก็เดินไปคุยกับคุณฉัตรแก้วและให้ช่วยโทรไปบอกแฟนลูกให้ทำถอนดังที่อาจารย์ท่านแนะนำด้วย คุณฉัตรแก้วโทรไปหาถามว่า “เป็นกังวลเรื่องพี่เฟิสท์ หรือเปล่า” เขาถามว่า “พ่อรู้ได้อย่างไร” คุณฉัตรแก้วไม่ได้ตอบว่าอะไร บอกแต่เพียงว่า “มีเวลาพ่อจะเล่าให้ฟัง” และแนะนำให้ทำถอนเสียจะได้สบายใจและ เฟิสท์เขาก็จะได้ไปดี
หลังจากทำถอนแล้วความรู้สึกของดิฉันก็เริ่มเบาขึ้นแต่ก็ยังไม่หมดความทุกข์ความกังวลที่มี ทั้งๆที่พยายามเบี่ยงเบนจิตให้ไปคิดเรื่องอื่นๆ แต่ดูเหมือนจิตจะเกาะยึดอยู่ที่นี่แน่นเหลือเกิน เมื่อเป็นดังนั้นดิฉันเริ่มเข้าใจคำสอนของอาจารย์ที่ว่าพวกเราเป็นหัวเผือกหัวมัน ว่ามันเป็นอย่างนี้นี่เองจะพาหลุดก็ไม่หลุด จะพาให้สบายจะได้โผล่ขึ้นไปบนดินก็ไม่ไป คิดดังนั้นดิฉันจึงไปทำถอนอีกรอบหนึ่ง ตอนเย็นคุณฉัตรแก้วพาสวดมนต์ที่บ้าน ดิฉันไม่ลืมแบ่งอุทิศผลบุญจากการสวดมนต์ให้แก่จิต อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดที่เป็นเวรของดิฉันด้วย ตอนมืดเราไปสวดมนต์กับอาจารย์ อาจารย์เห็นหน้าดิฉันถามว่า “ทำถอนแล้วเป็นอย่างไร ใจสบายขึ้นไหม” ดิฉันตอบว่า “ก็ดีขึ้นค่ะแต่ก็ยังเวียนกลับไปคิดให้เป็นทุกข์เหมือนเดิม ดิฉันเลยทำถอนอีก ๑ รอบ ตอนนี้ก็ดีขึ้นค่ะ แต่หัวเผือกหัวมันอย่างดิฉันกว่าจะสบายอย่างที่อาจารย์ชี้ทางคงต้องอาศัยเวลาค่ะ” อาจารย์หัวเราะคำว่าหัวเผือกหัวมันของดิฉันและก็กล่าวว่า “ใช่ ค่อยๆทำไป จิตใจก็จะสบายและใสในที่สุด”
ดิฉันได้ปฏิบัติการถอนและได้พบผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำดังกล่าวด้วยตนเองแล้ว การเรียนรู้ในเรื่องนี้ของดิฉันสูงขึ้นถึงขั้นการนำไปใช้ (Application) เป็นอย่างน้อยแล้วในตอนนี้ ดิฉันจะไม่หยุดการเรียนรู้ ดิฉันจะวิเคราะห์ (Analysis) สังเคราะห์ (Synthesis) ความรู้เรื่องนี้และจะประเมินผล (Evaluation) ให้ได้ในที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น