เรื่องราวที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้เป็นประสบการณ์ธรรมะที่ได้ข้าพเจ้าเรียนจากหลวงพ่อและอาจารย์ ตลอดช่วงเวลา ๒ เดือนหลังจากสูญเสียพี่เฟิสท์ ก่อนกลับไปศึกษาต่อที่เมืองเมลเบิร์นประเทศออสเตรเลีย
๑. การทำบุญ การสวดมนต์
ดิฉันรับรู้ว่าการทำบุญ การฝึกจิตมีหลายวิธี บางคนสวดมนต์ บางคนนั่งสมาธิ บางคนถือศีล บางคนก็บวชไม่ว่าจะบวชพระ หรือบวชพราหมณ์ แต่วิธีที่อาจารย์แนะนำดูจะเหมาะกับชีวิตประจำวันของคุณฉัตรแก้วกับดิฉันมากที่สุด นั่นคือการใส่บาตรตอนเช้าและสวดมนต์เพื่อรักษากายสังขารในตอนเย็น
เริ่มจากการใส่บาตรพระในตอนเช้า หลวงพ่อแนะนำว่า “จะใส่ให้ใครบ้างก็แยกเป็นชุด แยกจบคำถวายข้าวใส่บาตร และแยกกรวดน้ำหลังจากใส่บาตรแล้ว” หลวงพ่ออธิบายต่อเมื่อเห็นพวกหัวเผือกหัวมันอย่างพวกเราแสดงความสงสัยเพราะวิธีการที่พวกเราตักบาตรก็เป็นวิธีที่ทำตกทอดกันมาตั้งแต่สมัยพ่อแม่ หลวงพ่อยกตัวอย่างการส่งบุญเหมือนการส่งจดหมาย หลวงพ่อถามว่า “จดหมายที่จ่าหน้าซองถึงผู้รับชัดเจนกับจดหมายที่จ่าหน้าซองรวมๆไม่ชัดเจนหรือไม่ได้จ่าหน้าซอง ผู้รับคนใดจะได้รับจดหมายได้เร็วกว่ากัน” หลวงพ่อยังบอกให้เราแยกใส่เป็นชุดๆ ชุดใครชุดมัน เพราะคนที่เราจะส่งบุญไปให้นั้นอาจไม่ได้อยู่ในชั้นภพ ภูมิ เดียวกัน แล้วอย่างนี้คนส่งจะทำอย่างไร จะไปทางไหนก่อนดี กว่าจะตัดสินใจได้ก็ล่าช้า เสียเวลา ถ้าหากไปเจอไปรษณีย์งานยุ่งมากๆ เขาอาจเอาวางแยกไว้ก่อนและก็อาจลืมส่งในที่สุดก็เป็นได้ (ความคิดอันหลังนี้หลวงพ่อไม่ได้พูดแต่ดิฉันคิดต่อไปเอง) “การส่งให้รวมกันจะทำให้จิตวิญญาณที่คอยรับต้องแย่งชิงผลบุญกัน ไม่มีจิตวิญญาณใดได้กินอิ่มสักจิต” หลวงพ่อเทศน์เพิ่ม
ขอยกตัวอย่างเรื่องการใส่บาตรให้ชัดเจนอีกนิดนะคะ การใส่บาตรจะใส่กี่ชุดแล้วแต่กำลังปัจจัยของเรา การเบียดเบียนตัวเองก็เป็นทุกข์ เป็นเวรกรรมเช่นกัน ชุดที่ว่านี้อาจเป็น ข้าว กับ และน้ำ หรือ เป็น น้ำเต้าฮู้กับปาตังโก๋ และน้ำ หรือ นมกล่อง/ขนมปัง และน้ำ หรือไม่มีอะไรเลยใส่น้ำอย่างเดียวก็ได้ การใส่บาตรต้องให้ตัวเองเป็นอันดับแรก แล้วจึงใส่ให้อย่างอื่น เช่น ถ้าเราเป็นเบาหวาน เราก็ใส่ให้จิตวิญญาณของโรคเบาหวานในกายสังขารของเราเป็นอันดับต่อมา หรือให้แก่หน้าที่การงาน ถ้างานของเรามีแต่ปัญหาไม่จบไม่สิ้น หรือให้ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว
การสวดมนต์รักษากายสังขารในตอนเย็นหลังจากเราเสร็จกิจกรรมทั้งหมดในแต่ละวัน อาจสวดตอน ๒ ทุ่ม ๓ ทุ่ม ๔ ทุ่ม ก็แล้วแต่สะดวก จะเลือกสวดบทไหนก็แล้วแต่เราต้องการ สวดเสร็จเราก็อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลที่ได้จากการสวดมนต์นี้ให้แก่ใครก็ได้ที่เราอยากแบ่งปันให้ หลวงพ่อบอกว่า “การสวดมนต์ไม่เหมือนการใส่บาตร ใส่บาตรต้องแยกเป็นชุดชุด ของใครก็ระบุไป แต่สวดมนต์นี่ให้รวมได้เลย”
ยกตัวอย่างให้เห็นได้ชัดขึ้น คุณฉัตรแก้วปวดหลังมานาน นานมาก ตั้งแต่มีพี่เฟิสท์ อาการปวดทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ การรักษาเริ่มจากทายา กินยา ฉีดยา กายภาพบำบัด ฝั่งเข็ม ฯ ก็ไม่หายขาด จนดิฉันคิดว่านี่คงเป็นโรคเวรโรคกรรมที่เคยทำไว้ ทำบุญสังฆทานครั้งใดดิฉันไม่เคยลืมจัดชุดยาเพิ่มให้ด้วย แต่ก็ดูทรงๆทรุดๆ ในกรณีของคุณฉัตรแก้วหลวงพ่อแนะนำให้ทำบุญให้แก่ตัวเอง และทำให้จิตวิญญาณโรคกระดูกในกายสังขารเพื่อจิตวิญญาณของโรคดังกล่าวจะได้มีอาหารกินและหยุดกินกระดูกเรา นอกจากทำบุญใส่บาตรให้แล้วหลวงพ่อก็แนะนำให้คุณฉัตรแก้วสวดมนต์เพื่อรักษากายสังขารและอุทิศผลบุญที่ได้จากการสวดมนต์ให้กับจิตวิญญาณโรคกระดูกในกายสังขารด้วย หลวงพ่อเทศน์ว่า “การสวดมนต์เหมือนใส่เสื้อผ้าให้เขา เมื่อเขามีอาหารกิน มีเสื้อผ้าใส่ เขามีความสุข เขาแข็งแรง เขาก็จะไปจากตัวเราได้ เวรกรรมก็จะได้จบสิ้นกันไป” แต่การแก้กรรมด้วยวิธีนี้ต้องทำต่อเนื่องไปตลอดไม่ใช่ทำแค่วันเดียวหรืออาทิตย์เดียว อาจต้องทำเป็นเดือน เป็นปี หรือทำตลอดชีวิต คิดอย่างนี้บางคนอาจท้อ ดิฉันก็คิดท้อเหมือนกัน
ตอนนี้เรากำลังทำเพื่อพิสูจน์ความจริงในคำสอนของหลวงพ่อด้วยตัวเราเอง หลวงพ่อพูดเสมอว่า “อย่าเชื่อโดยฟังตามกันหรือแค่เรียนมา แต่ให้เชื่อจากการปฏิบัติจะดีกว่า หลวงพ่อก็เพียงชี้ทางสว่างให้เท่านั้น ใครอยากได้ต้องทำกันเอง” หลวงพ่อแนะนำให้สอบถามข้อมูลในเรื่องนี้จากคนที่เขาปฏิบัติมาแล้วว่าเป็นอย่างไร ที่สอบถามก็พบว่าทางที่หลวงพ่อชี้ให้นั้นเป็นทางสว่างจริงๆ หลังจากที่พวกเขาได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้ว บางคนทำมาเป็นเวลา ๕ ปี บางคน ๙ ปี โรคที่เคยเป็นและรักษาไม่หายก็มีอาการดีขึ้น บางคนเป็นมะเร็งถึงขั้นตัดเนื้อร้ายทิ้งไปแล้ว หมอแนะนำให้ทำ คีโม และฉายแสงเพิ่มอีกถ้าต้องการหายขาด แต่เขาไม่ยอมทำและหันมาแก้โดยการทำบุญสวดมนต์แก่จิตวิญญาณของโรคมะเร็งในการสังขาร คุณน้าท่านหนึ่งเล่าว่า “ได้รักษาตามคำแนะนำของหลวงพ่อมาเป็นเวลา ๒ ปีแล้ว ทำแล้วก็ดีความเจ็บปวดที่เคยมีก็หายไป และตอนนี้ก็ยังทำบุญและสวดมนต์ทุกวันไม่เคยขาด” ดิฉันสังเกตดูอาการตอนที่คุยกันก็เห็นว่าคุณน้าท่านนี้มีอาการเหมือนคนปกติ หน้าตาแจ่มใส ไม่มีความกังวลฉายให้เห็นในแววตาเลย ดูมีความสุขที่ได้แบ่งปันประสบการณ์เหลือเชื่อให้พวกเราได้ฟัง และยังแนะนำเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับการทำบุญสวดมนต์ให้ครอบครัวดิฉันฟังอย่างเต็มใจอีกด้วย
ตอนนี้คุณฉัตรแก้วและดิฉันกำลังทำบุญ และสวดมนต์ให้กับตัวเอง ให้โรคในกายสังขาร และให้จิตวิญญาณของพี่เฟิสท์ เราสองคนเพิ่งจะเริ่มพิสูจน์กับความจริงในเรื่องนี้ แต่เราก็มีความมุ่งมั่น และเชื่อมั่น เพราะความรู้ที่หลวงพ่อเทศน์ฟังดูสมเหตุสมผล วิธีการปฏิบัติก็ไม่ได้เบียดเบียนชีวิตประจำวันของเราแต่อย่างใด เพียงแค่แบ่งเวลาให้เกิดความสมดุลของการดำเนินชีวิตประจำวัน กับการทำบุญและการสวดมนต์เท่านั้นเอง
ต่อไปนี้เป็นคำถวายข้าวใส่บาตร คำกรวดน้ำอิมินา และการกล่าวคำขออโหสิเวร ขออโหสิกรรมวาจาที่เป็นเวร สิ่งต่างๆที่ไม่ดี ก่อนสวดมนต์ คำบูชาพระด้วย ดอกไม้ ธูป เทียน คำบูชาพระ อาราธนาพระ ขอการสวดมนต์รักษากายสังขาร เผื่อท่านผู้อ่านท่านใดสนใจจะลองนำไปปฏิบัติเพื่อค้นพบความจริงดังเช่นที่เราสองคนกำลังทำอยู่
คำถวายข้าวใส่บาตร
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุธธัสสะ (๓ จบ)
อะหัง ภันเต โภชนานัง สาลีนัง ปะริสุทธัง พุทธัง สาวก สังฆัง ปิณังฑะปาตัง โส โหตุฯ
(หมายเหตุ ถ้าใส่บาตร ๓ ชุด ให้จบครั้งละชุด ตั้งนะโมทุกครั้งด้วย)
คำกรวดน้ำอิมินา
อิมินา ปุญญะกัมเมนะ อุปัชฌายา คุณุตตะรา
อาจะริยูปะการา จะ มาตา ปิตา จะ ญาตะกา
สุริโย จันทิมา ราชา คุณะวันตา นะราปิ จะ
พรัมมะมารา จะ อินทา จะ โลกะปาลา จะ เทวะตา
ยะโม มิตตา มะนุสสา จะ มัชฌัตตา เวริกาปิ จะ
สัพเพ สัตตา สุขี โหนตุ ปุญญานิ ปะกะตานิ เม
สุขัง จะ ติวิทัง เทนตุ ขิปปัง ปาเปถะ โวมะตัง
อิมินา ปุญญะกัมเมนะ อิมินา อุททิสเสนะ จะ
ขิปปาหัง สุละเภ เจวะ ตัณหุปาทานะ เฉทะนัง
เย สันตาเน หินา ธัมมา ยาวะ นิพพานะโต มะมัง
นัสสันตุ สัพพะทา เยวะ ยัตถะ ชาโต ภะเว ภะเว
อุชุจิตตัง สติปัญญา สัลเลโข วิริยัมหินา
มารา ลภันตุ โนกาสัง กาตุญจะ วิริเยสุ เม
พุทธาธิปะ วะโร นาโถ ธัมโม นาโถ วะรุตตะโม
นาโถ ปัจเจกะพุทโธ จะ สังโฆ นาโถตตะโร มะมัง
เต โสตตะมานุภาเวนะ มาโรกาสัง ละภันตุ มา
ทะสะปุญญา นุภาเวนะ มาโรกาสัง ละภันตุ มา ฯ
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลและผลบุญที่ข้าพเจ้าได้ใส่บาตรในวันนี้ ขอผลบุญนี้จงได้แก่ ตัวข้าพเจ้า (เอ่ยชื่อ นามสกุลเดิม)
(หมายเหตุ ถ้าใส่บาตร ๓ ชุด ให้กรวดน้ำ ๓ ครั้ง เปลี่ยนตรงที่ขีดเส้นใต้ ตัวเองให้ใส่ทุกวัน)
คำขออโหสิเวร ขออโหสิกรรมวาจาที่เป็นเวร สิ่งต่างๆที่ไม่ดี ก่อนสวดมนต์
จุดเทียน ๒ เล่ม (ซ้าย ขวา) จุดธูป ๓ ดอก * ตั้งนะโม ๓ จบ* แล้วกล่าวดังนี้
พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา ข้าพเจ้า (เอ่ยชื่อ นามสกุลเดิม) ขออโหสิเวร ขออโหสิกรรมวาจาที่เป็นเวรทั้งหลาย สิ่งต่างๆที่ไม่ดีทั้งหลาย ที่รู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี ที่เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ข้าพเจ้าขออโหสิเวร ขออโหสิกรรม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
คำบูชาพระด้วย ดอกไม้ ธูป เทียน
จุดเทียน ๒ เล่ม (ซ้าย ขวา) จุดธูป ๓ ดอก * ตั้งนะโม ๓ จบ* แล้วกล่าวดังนี้
พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา ข้าพเจ้า (เอ่ยชื่อ นามสกุลเดิม)ขอบูชาด้วย ดอกไม้ ธูป เทียน ขอให้ถึงพระอรหันต์ทุกๆพระองค์ สาธุ สาธุ สาธุ
คำบูชาพระ อาราธนาพระ ขอการสวดมนต์รักษากายสังขาร
จุดธูป ๓ ดอก * ตั้งนะโม ๓ จบ* แล้วกล่าวดังนี้
พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา พุทธังอาราธนานัง ธัมมังอาราธนานัง สังฆังอาราธนานัง ข้าพเจ้าขอบูชา ขออาราธนาทุกๆพระองค์ ข้าพเจ้าขอบุญก็ดี ขอบารมีก็ดี จากทุกๆพระองค์ ขอจงได้แก่ตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอการสวดมนต์ ขอกุศลผลบุญนี้จงได้แก่ บิดามารดา ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณทั้งหลาย เจ้ากรรมนายเวรทั้งอดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ และที่เป็นมนุษย์ทั้งหลาย สรรพสัตว์ทั้งหลาย จิตวิญญาณทั้งหลาย ขอจงรับกุศลผลบุญ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปข้าพเจ้าขอรักษากายสังขารของข้าพเจ้าด้วยกุศลผลบุญนี้ พระพุทธังรักษา พระธัมมังรักษา พระสังฆังรักษา พระพุทธคุณ พระธัมมคุณ พระสังฆคุณ คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ และผู้มีพระคุณทั้งหลาย สาธุ สาธุ สาธุ
อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวาเทมิ (กราบ)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ (กราบ)
คุณบิดา มารดา (กราบ)
คุณครูบาอาจารย์และผู้มีพระคุณทั้งหลาย (กราบ)
เริ่มสวดมนต์
สวดมนต์เสร็จแล้วกราบพระอีกครั้งดังนี้
อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวาเทมิ (กราบ)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ (กราบ)
คุณบิดา มารดา (กราบ)
คุณครูบาอาจารย์และผู้มีพระคุณทั้งหลาย (กราบ)
อธิษฐานแบ่งบุญ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น