วิญญาณเป็นอมตะ คือไม่มีการสูญสลาย มีแต่ความคงอยู่ตลอดไป หากแต่เปลี่ยนที่ เปลี่ยนรูป และมีรูป กับไม่มีรูป สามารถสิงสถิตอยู่ในรูปใดๆหรือวัตถุใดๆก็ได้ อาจอยู่ชั่วนิรันดรกาลหรือชั่วขณะก็ได้ แต่ถ้าเข้าสู่ภาพรูปมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายแล้ว จะต้องมีอายุขัยตามกำหนดของฟ้าดิน จะฝ่าฝืนไม่ได้
วิญญาณมี 6 พวก
1 พวกสูงที่สุด วิญญาณพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันต์เจ้า พระพรหมในชั้นสุทธาวาส และองค์เทวในเทวโลก คือท่านผู้สิ้นกิเลสอาสวะทั้งปวง
2 วิญญาณผู้สำเร็จเป็นพระอนาคามี ท่านเทพชั้นสูงและพระพรหม
3 วิญญาณเทพชั้นสูง และผู้สำเร็จชั้นสกิทาคามีและโสดาบัน พระอินทร์กับเทพที่อยู่ชั้นเดียวกัน พระพรหมตั้งแต่ปาริสัชชาพรหมถึงพรหมโลกชั้นที่ 12 และในเทวโลกอันมีเทพบุตร เทพธิดาทั้งปวง
4 วิญญาณของท่านที่ทำคุณงามความดี เป็นเศรษฐี พระราชา ราชินี เทวดา นางฟ้า เทพารักษ์ ทั้งรุกขเทวดา อากาสเทวดา พฤกษเทพ พระภูมิเทวาทั้งหญิงชาย ถ้าเป็นมนุษย์ก็เป็น มุขอำมาตย์ ราชการชั้นสูง ฯลฯ คนชั้นสูงที่ทรงคุณงามความดี
5วิญญาณพวกคนชั้นกลางมีสภาพกึ่งสุขกึ่งทุกข์ ลุ่มๆดอนๆ รวมถึงวิญญาณเร่ร่อนพเนจรเพราะมีกุศลไม่ตลอด ทำดี ทำชั่วคละเคล้ากันไป
6 วิญญาณที่ได้รับทุกข์อยู่ในยมโลก อบายภูมิ 4 มี นรก เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน พวกชอบก่อกรรมทำเข็ญ สร้างแต่อกุศลโหดร้ายทารุณ แสวงหาความสุขบนทุกข์คนอื่น กินเลือดกินเนื้อผู้อื่น
กรณีที่เอาดวงวิญญาณผิด คืออาจผิดไปบ้างเร็วไปบ้าง ก็ต้องส่งกลับทันที ถ้าสังขารไม่บอบช้ำเกินไปก็ถือว่าตายแล้วเกิดใหม่ แต่ถ้าตรงกันข้ามก็เป็นจิตวิญญาณรออยู่
ดวงวิญญาณที่ออกจากร่าง (คนตาย) นั้นในตอนแรกจะวนเวียนอยู่สักครู่หนึ่งก่อน พอให้ได้สติกลับคืนแล้ว ท่านมัจจุราชหรือบริวารของท่านก็จะรับพามายังยมโลกนี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบพิจารณาความดีความชั่วที่ดวงวิญญาณกระทำไว้แต่ครั้งยังไม่ตาย ครั้นได้ทราบแจ่มแจ้งแล้วจะนำตัวเข้ามาซักถามชี้แจงถึงผลกรรมหรือวิบากกรรมให้ทราบ
การพิจารณาใช้เวลาพริบตาเดียวก็เสร็จ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อตายแล้วใหม่ๆ 7 วันแรกของเมืองมนุษย์ ดวงวิญญาณจะต้องอยู่ในยมโลกนี้ก่อน จนกว่าจะได้ทำบัญชีและส่งมอบตัวเสร็จจึงจะไปจากที่นี่ได้ ส่วนจะไปที่ใดก็ต้องแล้วแต่กุศล หรืออกุศล บุญ หรือบาป ความดี หรือความชั่ว ที่ดวงวิญญาณนั้นประกอบไว้แต่ครั้งยังไม่ตาย
ถ้าดวงวิญญาณใดพ้นโทษความวิบากของตนแล้วยังไม่ไปจุติ และได้พยายามสร้างคุณความดีในปรโลก เช่นช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์ บำเพ็ญกรณียกิจในการพระพุทธศาสนา (หรือศาสนาอื่นใดก็ตามที่ตนยึดถือเพื่อความดี) รักษาศีล เจริญภาวนา บำเพ็ญญาณให้แก่กล้า รับฟังคำสั่งสอนธรรมและประพฤติธรรม ประกอบกับจิตตั้งยึดมั่นอยู่ในเทวธรรม คือ หิริ โอตตัปปะ และตั้งอยู่ในพรหมวิหารธรรม ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา และมีเมตตา กรุณา เป็นอัปปมัญญาคือแผ่ไปไม่เลือกบุคคลสัตว์ ทั้งตั้งอยู่ในความสันโดษไม่โลภมากมากได้ ไม่เบียดเบียน เอาทรัพย์ หรือหาทรัพย์ในทางที่ผิด ตัดกิเลสให้เบาบางจนเหลือน้อยที่สุด ไม่ผูกพยาบาทอาฆาต จองเวร ไม่มีจิตคิด อิจฉาริษยาผู้อื่น โดยเฉพาะสิ่งสำคัญที่สุดในหมู่เทพและพรหมก็คือ การรักษาสัจจะและมีความซื่อสัตว์กตัญญูต่อผู้มีพระคุณ นับตั้งแต่ บิดา มารดา ครูบาอาจารย์ ท่านผู้มีอุปการคุณ เทพเบื้องบนซึ่งเป็นชั้นผู้ใหญ่จนถึงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมจะช่วยให้ดวงวิญญาณนั้นมีความสุขความเจริญ เลื่อนขึ้นสู่ชั้นสูง มีเกียรติเป็นที่เคารพนับถือของวิญญาณดวงอื่นๆได้ ถ้ายิ่งสร้างสมบารมีให้มากยิ่งขึ้น ก็ยิ่งจะเป็นกุศลให้ได้เลื่อนชั้นสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีขีดขั้นจนสูงสุดตามแรงกุศลที่ตนได้สร้างไว้
การสร้างสมบุญกุศลให้หลุดจากบ่วงกรรมและความบาปทั้งปวงนั้น ต้องทำตามพระพุทธโอวาทของพระบรมศาสดา มีกิจใหญ่และสำคัญเป็นยอดอยู่ 3 ประการ
1 การบริจาคทาน (เสียสละในการให้)
2 การรักษาศีล (รักษากายวาจาให้เป็นปกติ)
3 การเจริญภาวนา (การฝึกฝนอบรมจิตให้สงบจากกิเลส)
มนุษย์ทั้งหลายให้ปฏิบัติในทางสายกลาง อย่าให้เคร่งครัดตึงหรือหย่อนยานจนเกินไป จงพิจารณาดูฐานะความเป็นอยู่ของตนว่ามีสภาพอย่างไรก็ทำให้สมกับ อัตภาพของตน เพราะการสร้างกุศลประกอบด้วยองค์ 3 องค์
1 เจตนา จะทำกุศล
2 เวลา และสถานที่ที่จะทำกุศล
3 การกระทำ เพียงแต่ตั้งใจหรือมีเจตนาจะทำบุญเท่านั้น ก็ได้กุศลแล้วแต่ยังเป็นส่วนน้อย ถ้าจะให้ผลเต็มที่ก็ต้องทำให้ครบ 3 ประการ เมื่อทำแล้วต้องอุทิศให้ด้วยจึงจะได้กุศลแรงและสูงยิ่งขึ้นอย่างสมบูรณ์ ถ้าสร้างกุศลบารมีแล้วไม่อุทิศอนุโมทนา การกุศลนั้นก็ไม่เป็นผลสมบูรณ์
จาก วิญญาณปรากฏตัวและระลึกชาติ ตอน 3 โอปปาติกะ ร่างทิพย์ ตายแล้วฟื้น (218-287)
โดย พลโทสมาน วีระไวทยะ
บทสนทนาระหว่าง พลโทสมาน วีระไวทยะ และ พระยายมราช หรือ ท้าวธัมมิกราชา (พระผู้ทรงธัมมะ)
พลโทสมาน วีระไวทยะ เคยเป็นลูกรักของพระยายมราชในชาติก่อนที่จะหนีไปจุติลงไปปฏิสนธิในมนุษย์โลก เพราะความหลงใหลในคำชักชวนของดวงวิญญาณบางดวง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น