ประสบการณ์จริงกับผู้ที่ปฏิบัติธรรมะอยู่กับหลวงพ่อ
เมื่อข้าพเจ้าได้เข้านมัสการหลวงพ่อ ที่ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ในครั้งนั้นข้าพเจ้ามีความทุกข์มากมาย ทุกข์กับกายสังขารที่เป็นโคอยู่ภายใน โรคกระเพาะ โรคลำไส้ โรคปวดเมื่อยตามตัว ข้อเท้า หลัง ปวดศรีษะ ซึ่งข้าพเจ้าได้เข้าโรงพยาบาล เข้า ๆ ออก ๆ อยู่อย่างนั้นเป็นประจำ โรคริดสีดวงทวาร ล้วนกลัวแต่เป็นโรคเรื้อรัง ซึ่งข้าพเจ้าก็คิดว่าเป็นธรรมดา เมื่อย่างเข้าปี 2540 ปลายปี ซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่มั่นใจเท่าใดนักว่า ใช่ปีที่เศรษฐกิจของประเทศไทยตกต่ำหรือไม่ แต่เป็นปีที่ข้าพเจ้ามีความทุกข์มากมายกับหน้าที่การงานของข้าพเจ้า ซึ่งก็เป็นธรรมดาของข้าพเจ้า ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ข้าพเจ้าก็ทุก์เป็นนิจนิรันดร์ คือตลอดกาล มีความทุกข์ ความวิตกกังวล มีปัญหา มีเรื่อง มีหนี้สิ้นที่ล้นตัว มีดอกเบี้ยที่พอกพูนขึ้นทุกวัน ซึ่งในความคิดของข้าพเจ้า ทำอย่างไรดีกับสถานการณ์ที่เกินตัวของข้าพเจ้า หาทางออก หาทางเข้า กู้อีกที่มาใช้อีกที่ จับแพะชนแกะอยู่อย่างนั้น เพื่อให้อยู่รอดได้ในสังคม รักษาหน้าตาของตนเองไว้ ส่วนภายในจะทุกข์อย่างไรก็ช่างรับได้ ค่าของวัตถุภานนอกมีค่ามากมาย ต้องหามาไว้ให้ได้มากมาย อดหลับอดนอน ทนง่วงนอนไม่ไหวก็หาของมาช่วยกะตุ้นเพื่อที่จะทำได้ เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ที่เล่ามานี้เป็นเพียงนิดหนึ่งในชีวิตของข้าพเจ้า ต้องมีต้องดีต้องเด่น ให้คนอื่นมองว่าเราเก่งเราดีแล้วสบายใจ มันเป็นอดีตของข้าพเจ้าที่ไม่หวนคืนมาอีกตลอดชาติภพภูมิของเข้าเจ้า ก่อนหน้านี้มันเป็นความทรงจำที่ฝังจิตที่คิดขึ้นมาแล้วทำให้น้ำตาไหลรินกับชีวติที่ต้องทุกข์ทรมาณ แต่ปัจจุบันนี้ข้าพเจ้าดีขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจเพราะข้าพเจ้าได้ปฏิบัติธรรมอยู่กับหลวงพ่อ จึงทำให้ข้าพเจ้าได้พบกับการแก้เวรแก้กรรม การทำบุญที่ได้กุศลผลบุญเข้าตัว การรักษาโรคในกายสังขารเพื่อให้กายสังขารดีขึ้น จึงต้องการที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตให้กับผู้ที่มีความทุกข์อย่างข้าพเจ้าได้แก้และปฏิบัติเพื่อให้พบกับหนทางที่ดับทุกข์กับธรรมมะของหลวงพ่อ
วันนั้นเมื่อปี 2540 ที่ปลวกแดง จ. ระยอง ข้าพเจ้าได้ทราบข่าวจากผู้คนทั้งหลายว่าได้มีพระอรหันต์มาโปรดมนุษย์ โดยที่เขาเล่าว่ามีทรงพระอรหันต์ อยู่ที่ทางไปอำเภอปลวกแดงทางไปต้องผ่านนิคมอุตสาหกรรมอิสเทิร์นซีบอร์ด ซึ่งบ้านของข้าพเจ้าก็อยู่ไม่ไกลจากที่นั้น ข้าพเจ้าอยู่ทางสยามอิสเทิร์น ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหรรมซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ไม่ห่างกัน เมื่อข้าพเจ้าได้ทราบข่าวเช่นนั้นมีความดีใจเป็นอย่างยิ่งที่จะได้พูดคุยกับพระอรหันต์ ข้าพเจ้าเคยอ่านแต่ในหนังสือพุทธประวัติ ซึ่งมีพระพุทธเจ้ามีพระปัญจวรรคคีย์ทั้งห้า ไปตามโบสต่าง ๆ ก็จะเป็นมีพระพุทธเจ้า มีพระสารีบุตร มีพระโมคคัจจานะ ซึ่งสององค์นี้ท่านเป็นสาวกซ้ายขวาของพระพุทธเจ้าจะมีอยู่ทุกโบส มันเป็นความปรากถนาของข้าพเจ้า แต่ครั้งก่อนว่าเมื่อข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ขอให้ข้าพเจ้าได้พบกับพระอรหันต์สักครั้งหนึ่ง (ครั้งเมื่อเป็นเด็กที่บวชเณรอยู่) เมื่อข้าพเจ้าได้ทราบข่าวว่ามีทรงพระอรหันต์ ค่ำของวันนั้นเมื่อข้าพเจ้าได้ทำหน้าที่การงานของข้าพเจ้าเสร็จแล้ว ไม่รอช้าอยู่อาบน้ำแต่งตัวรีบไป ณ ที่แห่งที่มีทรงพระอรหันต์ เมื่อข้าพเจ้าไปถึงได้เลี้ยวรถเข้าไป ข้าพเจ้าเห็นเป็นวิหารซึ่งใหญ่พอสมควร เห็นแจกันใหญ่ที่สักการะบูชา มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ซึ่งข้าพเจ้าเห็นแค่ฐานพระและมีแจกันดอกไม้ธูปเทียนแค่นั้นเอง ซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่ได้สนใจอะไร เพียงแต่มองผ่าน ๆ แค่นั้นเอง คนที่นำข้าพเจ้าไปเขาบอกให้ข้าพเจ้าเข้าไปข้างใน ในสวนก็จะพบบ้านหลังหนึ่งซึ่งก็ไม่ใหญ่เป็นบ้านเก่าแบบชาวไทยในชนบท ก็พออยู่สำหรับครอบครัวไม่ใหญ่ เมื่อเข้าไปแล้วก็มีผู้คนมานั่งฟังธรรมอยู่ก่อนแล้ว ข้าพเจ้าก็เข้าไปนั่งในที่อันควร มีผู้มีอายุเป็นผู้ชายได้เรียกให้เข้าไปนั่งข้างหน้าผู้ที่เป็นทรงพระอรหันต์ เมื่อข้าพเจ้าตั้งนะโม 3 จบ บูชาอาราธนาเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าได้ถามว่าที่มานี้ชื่ออะไรเป็นใคร ท่านได้เทศนาโปรดข้าพเจ้าว่าหลวงพ่อคือพระอรหันต์โกณฑัญโญมาโปรดมนุษย์ให้พ้นทุกข์ ทุกข์กับลูก ทุกข์กับครอบครัวทุกข์กับหน้าที่การงาน มนุษย์ทุกคนเกิดมาใช้เวร มนุษย์คิดที่จะไม่ใช้ไม่ได้ แต่มนุษย์คิดที่จะไม่สร้างเวรต่อได้ กุ้งหอยปูปลาต่าง ๆ ที่มนุษย์ทำมาเป็นเวรทั้งหมด สิ่งใดที่ทำให้เราทุกข์ สิ่งนั้นเป็นเวรกับเรามา การใส่บาตรพระบิณฑบาตรแก้เวรได้ หลวงพ่อเทศอีกหลายอย่างซึ่งข้าพเจ้าก็เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง หลวงพ่อท่านโปรดข้าพเจ้าว่าที่หงุดหงิดอยู่โดยที่ไม่รู้ตัวให้ใส่บาตร 99 ชุด อันนี้คือการแก้ คือนั้นเมื่อหลวงพ่อเทศเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าก็สนทนากับเจ้าของบ้านว่า พระที่อยู่หน้าบ้านจะทำอะไร เอาไว้ทำอะไร เจ้าของบ้านบอกว่าจะนำไปถวายวัดคือวัดผ้าป่าไปวัดทางภาคใต้ (ซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่ได้ตอบโต้ในคำพูดอย่างไร แต่คิดอยู่ในใจว่าต้องเอาเทรนเล่อร์มาใส่เอารถเครนมายกเป็นแน่เลย) คืนนั้นข้าพเจ้าก็กลับบ้านไปพักผ่อนตามปกติ ในใจของข้าพเจ้าอดคิดถึงคำพูดคำเทศของหลวงพ่อไม่ได้ หลวงพ่อรู้อยู่ว่าเราหงุดหงิด ซึ่งข้าพเจ้าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ หงุดหงิดอยู่นึกไม่ออกว่าเราลืมอะไร เราเป็นอะไร มันนึกไม่ออกหงุดหงิดจริง ๆ พยายามหาสาเหตุก็ไม่เจอ แต่หลวงพ่อให้แก้โดยใส่บาตร 99 ชุด อุทิศผลบุญให้เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติ คือจบครั้งเดียวกรวดน้ำหนเดียว พอเช้ารุ่งขึ้นวันใหม่ข้าพเจ้ารีบจัดแจงอาหารหวานคาวได้ 99 ชุด แล้วก็ใส่บาตที่วัดห้วยปราบ อ.ศรีราคา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นเขตชายแดนชลบุรี จ.ระยอง ซึ่งก็ติดขัดบ้างเพราะเรายังไม่เคยทำ แต่ก็ลุล่วงไปด้วยดี
คำเทศของหลวงพ่อที่ท่านเทศว่าหลวงพ่อมาโปรดมนุษย์ให้พ้นทุกข์ ซึ่งก็โดนใจของข้าพเจ้าที่กำลังทุกข์อยู่ มันทุกข์ มันมีปัญหา มีเรื่องไม่เว้นแต่ละวันเดี๋ยวจบเรื่องนี้ เดี๋ยวเรื่องใหม่เข้ามา เรื่องเก่ายังไม่ทันจะจบเรื่องใหม่ก็ประดังเข้ามา มันเป็นอย่างนี้มานานวันนานเดือนนานปี มันหมุนเวียนเข้ามาในจิตในชีวิตประจำวันเลยทีเดียว ความทุกข์ต่าง ๆ มันอยู่ในจิตในความนึกคิดของตัวเรา หลวงพ่อท่านก็รู้ แล้วท่านก็ตรัสรู้มาว่าความทุกข์ต่าง ๆ ปัญหาและเรื่อง ความวิตกังวล มันฝังอยู่ในจิตของมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม มันเป็นจิตวิญญาณชนิดหนึ่งที่อยู่ในกายอยู่ในจิตฝังลึกมาช้านาน เป็นเจ้ากรรมนายเวรที่อาฆาตรพยาบาท ที่ตามจิตของมนุษย์ไปทุกข์ชาติ ทุกภพทุกภูมิทุกชั้นวรรณะ ไม่ว่าจะหนีไปแห่งหนตำบลใด ชาติใดภพใดก็ติดตามตลอด หลวงพ่อท่านโปรดให้ธรรมะในการแก้ไขกับสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ว่า เมื่อมีปัญหาก็มีทางที่จะแก้ไขปัญหา เมื่อมีเรื่องเราก็แก้ไขเรื่องได้ เพราะฉนั้นอย่าไปคิดแก้เรื่องแก้ปัญหาล่วงหน้า อย่าไปคิดอย่าไปวิตกกังวล เมื่อมีปัญหาก็มีทางแก้ปัญหา บางทีเราคิดว่ามีปัญหามีเรื่องแล้วเราจะแก้อย่างนี้ ทำอย่างนี้คิดล่วงหน้าที่ปัญหาและเรื่องเราไม่เกิด แต่เวลาที่มีปัญหามีเรื่องถึงเวลาแล้วเราแก้คนละอย่างกัน วันนั้นเมื่อข้าพเจ้าใส่บาตร 99 ชุด เสร็จแล้วก็มากรวดน้ำอุทิศผลบุญให้แก่เจ้ากรรมนายเวรตั้งแต่อดีตชาติ ดังคำที่หลวงพ่อท่านโปรดให้ข้าพเจ้าแก้ วันนั้นทั้งวันข้าพเจ้าประกอบกิจการงานของข้าพเจ้า ตามปกติของข้าพเจ้าแต่ในจิตของข้าพเจ้าครุ่นคิดถึงเหตุการณืต่าง ๆ ที่ได้ไป ฟังเทศของพระอรหันต์มา คิดถึงในสิ่งต่าง ๆ ที่หลวงพ่อท่านรู้ได้อย่างไรว่าเราทำอะไรเราพูดอะไร เราทำอะไรอยู่ หลวงพ่อท่านรู้ ตกกลางคืนของวันนั้นข้าพเจ้าก็ไปฟังธรรม พระอรหันต์อีกตามปกติ มีอยู่ตอนหนึ่งข้าพเจ้าขอถามธรรมะชั้นสูง ซึ่งหลวงพ่อก็เทศว่ามนุษย์ไม่ต้องมาถามธรรมะขั้นสูงหรอก (หลวงพ่อถามว่า) คำว่าห่า ๆ เมื่อไรจะเลิกพูด ข้าพเจ้าโดนคำถามที่หลวงพ่อสวนมาอย่างนี้ทำให้ข้าพเจ้าอายมาก ๆ ที่ตัวเองยังด่าอยู่ ยังว่าอยู่ยังทำไม่ได้อยู่ วันนั้น ข้าพเจ้าอดสูมาก อายอยู่ในใจเจ็บใจที่โดนว่า กลับบ้านข้าพเจ้าเลิกพูดคำว่า ห่า ๆ ตั้งแต่บัดนั้นมา การเทศของหลวงพ่อท่านดูจริตของทุกคนว่าคนนี้ต้องแสดงธรรมอย่างไร คนนี้มีนิสัยอย่างไร ถึงจะเข้าถึงธรรมะที่หลวงพ่อเทศ มีผู้คนมาฟังธรรมะของหลวงพ่อมากมาย ฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างทำได้บ้าง ทำไม่ได้บ้างก็เป็นธรรมดาของมนุษย์ผู้ที่มีความหลงต่าง ๆ อยู่
เมื่อข้าพเจ้ามาฟังธรรมะวัน ต่อ ๆ มามีอยู่วันหนึ่งข้าพเจ้าบ่นกับคนในครอบครัวว่า ความเป็นอยู่ของเราในปัจจุบันจะไปไหนจะทำอะไรก็ต้องใช้เงินใช้ทอง ทั้งนั้นแหละ ไม่เหมือนในครั้งพุทธกาล ครั้งพุทธกาลคงไม่ต้องใช้เงินใช้ทองเหมือนในสมัยนี้ ที่พูดเช่นนี้เพราะข้าพเจ้ามีความต้องการใช้เงินอยู่ ข้าพเจ้าเป็นหนี้อยู่มากต้องผ่อนรถผ่อนบ้านหลาย ๆ อย่างทำให้ข้าพเจ้าทุกข์อย่างมาก ที่ไปหาหลวงพ่อต้องการเลขเด็ดจากหลวงพ่อสักงวดให้เจ๋ง ๆ ไปเลย ซึ่งช่วงนั้นที่ไปหาหลวงพ่อเป็นช่างที่งานที่ข้าพเจ้าทำอยู่ลดการผลิตจ้างพนักงานออก การงานตก การเงินขาดสภาพคล่อง ก็เลยลองไปหาทรงพระอรหันต์เผื่อจะได้รวยกับเขาบ้างในชาตินี้ จะได้ไม่ทุกข์ (เป็นความคิดของข้าพเจ้าเอง) หรือจะมีใคร คิดอย่างข้าพเจ้าบ้างก็อาจจะเป็นไปได้ คิดว่ารวยแล้วไม่ทุกข์ เมื่อฟังธรรมะของหลวงพ่อแล้วคนละอย่างกัน รวยก็ทุกข์ไม่รวยก็ทุกข์แต่ทุกข์ไปคนละอย่างกัน การบ่นของข้าพเจ้าบ่นอยู่ที่บ้าน แต่ก็ไม่พ้นในการรู้การฟังของหลวงพ่อไปได้ มีอยู่วันหนึ่งข้าพเจ้า ได้ปรากฏกับคนในบ้านในครอบครัว จะเรียกว่าบ่นก็ได้ หลังจากที่ข้าพเจ้าได้ฟังธรรมะของหลวงพ่อแล้ว ก็พากันกลับบ้าน มีอยู่บางตอนที่เกี่ยวกับปัจจัยเงินเงินทองทองนี่แหละที่หลวงพ่อเทศกับบุคคลที่มาฟังธรรมในวันนั้น ซึ่งก็มีข้าพเจ้ารวมอยู่ในนั้นด้วย ก็คงจะเป็นความหลงงมงายของทุกคนที่ทำงานจนลืมกายสังขารของตัวเองทรมานกายสังขาร เพราะความอยากได้ที่ไม่รู้จักพอที่เกิดจากความหลงงมงาย คิดว่ามีแล้วสบายมีแล้วไม่ทุกข์ มีแล้วหมดปัญหาหมดเรื่อง พอถึงบ้านก็บ่นกับในครอบครัวว่า ปัจจุบันของเราจะทำอะไร จะไปไหนก็ต้องใช้เงินทั้งนั้นแหละไม่เหมือนในสมัยพุทธกาล ไม่ต้องใช้เงิน บ่นแล้วก็ไม่ได้คิดอะไร บ่นไปให้สนุกปากด้วยความเคยชินแค่นั้นเอง คงไม่มีใครรู้ใครได้ยินแต่พอข้าพเจ้าได้ไปฟังธรรมะของหลวงพ่อ หลวงพ่อได้เทศนากับข้าพเจ้าว่าสมัยพุทธกาลก็ต้องใช้เปิ้ยเหมือนกับสมัยของมนุษย์ในปัจจุบันนี้เหมือนกัน ทำให้ข้าพเจ้านั่งนิ่งอึ้งไปนานเริ่มสงสัยแล้วว่าหลวงพ่อรู้ได้อย่างไร ข้าพเจ้าจะมีอยู่อย่างหนึ่งคือถ้าอยากรู้อะไรก็จะถามเลยซึ่งก็เป็นผลดีต่อข้าพเจ้าในภายหลัง ข้าพเจ้าก็เลยถามหลวงพ่อว่าหลวงพ่อรู้ได้อย่างไร หลวงพ่อเทศว่าเมื่อเป็นอริยะแล้วรู้หมดเห็นหมดเมื่อข้าพเจ้าได้ ฟังอย่างนั้นแล้ว ทำให้ข้าพเจ้าเกิดความอยาก อยากเป็นพระอริยะเหมือนหลวงพ่อบ้างจะได้เก่งเหมือนหลวงพ่อ หลวงพ่อเทศว่าไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย จะอยู่ชั้นวรรณะใดก็สามารถบรรลุธรรมะสามารถหลุดพ้นเวรและกรรมเข้าถึง ซึ่งพระนิพานด้วยทานบารมีทุก ๆ คน ฟังดูแล้วเลื่อนลอยสำหรับข้าพเจ้า ซึ่งมีภาระอันใหญ่หลวง เป็นหัวหน้าครอบครัว มีบริวารที่ต้องดูแล มีกิจการเป็นของตนเอง มีความห่วง มีความโลภ มีความรักสวยรักงาม มีความอยากได้ มีความต้องการ มีหน้ามีตาในสังคมอีกต่อไป ไปไหนไม่ได้จริง ๆ คงจะได้แต่คิดแค่นั้นเองในชาตินี้ แต่ในจิตส่วนลึกของข้าพเจ้าก็มีความปราถนาพระนิพพานอยู่เช่นกัน โรคภัยไข้เจ็บเริ่มรุมเร้า ภายในกายสังขารของข้าพเจ้าหนักขึ้นทุกวัน ข้าพเจ้าต้องเข้าโรงพยาบาลเดือนละครั้งสองครั้งเป็นประจำ ซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินเท่าไร เพราะคิดว่าเราทำงานก็เหนื่อยหนักหนา เอามารักษาตัวจะเป็นอะไรไป ก็มีเท่านี้เองคนเราทำไว้เผื่อไว้เก็บไว้รักษาตัวเมื่อยามเจ็บไข้ได้ป่วย ข้าพเจ้าซึ่งในธรรมะแต่บละวันไพเราะจับจิตของข้าพเจ้า ๆ ไม่เคยได้ฟังธรรมะเพราะ ๆ เช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิตตั้งแต่เกิดมา แม้ข้าพเจ้าเคยบวชเณรเรียนอยู่ในโรงเรียนเบญจนิกายวัดสร้อยทองสะพานพระรามหกมาก่อนก็ตาม ซึ่งโรงเรียนที่ข้าพเจ้าได้ไปเรียนอยู่มีอาจารย์พระมหาแสวง โชติปาโล เป็นครูบาอาจารย์อยู่ ซึ่งข้าพเจ้าก็ขอขอบพระคุณครูบาอาจารย์หลาย ๆ ท่านที่ได้สอน ปูพื้นสร้างฐานธรรมะให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่เคยลืมครูบาอาจารย์เหล่านั้นเลย ยังอยู่ในจิตของข้าพเจ้าตลอดเวลา
ธรรมะของหลวงพ่อทำให้ข้าพเจ้าได้นำเอามาปฏิบัติเริ่มรู้ได้ตัวเอง สัมผัสได้เฉพาะตัว เช่นคำเทศของหลวงพ่อเทศไว้ว่า ไม่มีสิ่งใดทั้งหลายนอกจากตัวเราจะต้องเป็นบุคคลที่เรียกว่าแก้เวรแก้กรรมของตัวเรา ในปัจจุบันชาติได้ ถ้าเราขาดความพยายาม ความอดทนความเพียร ความเพียรของมนุษย์ที่จะนำทางให้ถึงจุดหมายปลายทางเพียงพยายามแก้ เพียรพยายามวาง เพียรพยายามละ เพียรพยายามที่จะปรับปรุง แก้ไขจิตของเราให้ดีขึ้นให้ปฏิบัติได้ ให้วางได้ให้หลุดพ้นได้ อาศัยความเพียรเหล่านี้ ถ้าเราขาดความเพียร สิ่งที่มนุษย์มุ่งหวังก็ไม่สำเร็จ เพราะอุปสรรคมีตลอด แต่ถ้ามนุษย์รู้วิธีแก้ ความหลุดพ้นทุกอย่างเกิดขึ้นตลอด ทุกสิ่งทุกอย่างของตัวเรา การมองการแก้ หรือว่าสิ่งที่หลุดพ้น สำหรับมนุษย์จงดูการกระทำของตัวเรา เป็นที่ตั้ง แต่ถ้าตัวเราเป็นตั้งแล้ว สิ่งที่มนุษย์เรียกว่าความเจริญ หรือการหลุดพ้น เกิดขึ้นได้ทุกขณะจิต สำหรับมนุษย์ทุกคน เหมือนมนุษย์ ถ้าไม่รู้จักแก้ ถ้าไม่รู้จักทำ แล้วเมื่อไหร่ถึงจุดหมายปลายทางของชีวิต ถ้ามัวแต่จะ มนุษย์ก็ทุกข์จนตาย แต่ถ้ามนุษย์ทำในสิ่งที่รู้ความทุกข์ หรือว่าการหลุดพ้นของมนุษย์ทุกคนก็จะเกิดขึ้น ในขณะที่เรายังมีกายสังขารอยู่ อย่าไปหลุดพ้นในขณะที่เราตายแล้ว เราหลุดพ้นในขณะที่กายสังขารของตัวเรามีอยู่ เราทำได้ เราแก้ได้ เราหลุดพ้นด้วยตนเอง อันนี้ต่างหากคือภพภูมิของมนุษย์ในสิ่งที่มนุษย์ทุกคนได้วางได้แก้ หนามใดที่คมหนามนั้นมีค่า หนามใดที่มนุษย์เกิดขึ้นมา ในสิ่งที่ดีกับไม่ดี หนามนั้นเป็นอุปสรรคตลอด การฟังธรรมะของหลวงพ่อให้เข้าใจเข้าจิตของเรานั้น เราต้องแก้โดยการใส่บาตรอุทิศผลบุญให้ตัวเอง มาก ๆ สวดมนต์ให้แก่สิ่งต่าง ๆ ให้มาก ๆ เราต้องเป็นผู้มีบุญด้วย อันนี้คือการแก้แก่ภพภูมิต่าง ๆ ที่อยู่ในจิตของเรา เมื่อเราทำบุญแล้ว ผลบุญก็จะเข้ากายเข้าจิตไปแก้กับสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในจิตของเราเปิดทางบุญให้เห็นแสงแห่งธรรมะทางแห่งสัจจะธรรม ในคำเทศนาของหลวงพ่อ
ข้าพเจ้าขอย้อนกลับถึงวันที่ข้าพเจ้าใส่บาตร 99 ชุดอีกครั้งหนึ่งว่าเมื่อข้าพเจ้าใส่บาตรพระเสร็จแล้วข้าพเจ้าก็ไปหาหลวงพ่อที่บ้าน ข้าพเจ้าแปลกใจมากวิหารที่ข้าพเจ้าเห็นเมื่อคืนแรกที่ข้าพเจ้าไปหาหลวงพ่อหายไปไหน ข้าพเจ้าเห็นแต่เพิงสังกะสีปลูกเป็นร้านค้าเล็ก ๆ มีพระพุทธรูปหน้าตักกว้างประมาณ 29 นิ้ว และมีกระป๋องต้นผ้าป่าตั้งอยู่ ทำให้ข้าพเจ้างงมาก หรือเมื่อคนนี้เราตาฝาดไป แต่ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเมื่อคืนยังถามเจ้าของบ้านอยู่เลยว่าจะเอาพระไปไหน เขาก็บอกว่าจะนำไปถวายวัดที่ภาคใต้อยู่เลย เช้าวันนั้นก็เลยคุยกับเจ้าของบ้าน เขาก็บอกว่า เขาก็แปลกใจเหมือนกันว่าพระตั้งอยู่ข้างใน แล้วพวกคุณเห็นได้อย่างไร ต่าง ๆ คนต่างคิดอยู่ในใจ แต่ก็โอเค แต่เป็นคนละตอนกันคือพระคนละองค์กัน หลวงพ่อแสดงอภินิหารให้ข้าพเจ้าเห็นองค์ท่านและวิหารของท่าน เพื่อบอกบางสิ่งบางอย่างให้มนุษย์ได้รับรู้ว่าท่านมาจริง ๆ มีเรื่องเล่าแต่จริงจากบุคคลต่าง ๆ อีกมากมายบางคนเห็นเป็นบ้านหลังใหญ่เป็นปราสาทหลวงพ่อยิ้มได้ (พระพุทธรูป) บางครั้งท่านยิ้มเห็นฟันขาวบ้าง บางครั้งกายสังขารท่านดูสวยงาม ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นความจริงที่แต่ละคนได้พบได้เจอประสพมากับตนเอง
ในการปฏิบัติธรรมหลวงท่านสอนข้าพเจ้าให้เลิกทีละอย่างให้แก้กับเวรและกรรมที่อยู่ที่จิตที่วาจาของตัวเรา ให้เลิกคำด่า ให้เลิกการแช่งให้เลิกว่าให้ถอนวาจาที่เป็นเวร ให้ขอขมาให้ขออโหสิกรรม แก่วาจา แก่การกระทำต่าง ๆ ที่เป็นเวรทั้งหลายเป็นกรรมทั้งหลาย โทสะเป้นไฟที่อยู่ในจิตของมนุษย์พร้อมที่จะลุกเป็นเพลิง ๆ แห่งหายนะของทุกอย่าง เมื่อผู้มีอำนาจบรรลุแก่โทสะ ขาติสติยับยั้ง สั่งการด้วยอารมณ์ที่เป็นโทสะ โทสะเป็นจิตวิญญาณที่อาฆาตพยาบาท ติดจิตของมนุษย์มาสะสมศรัตรู สะสมความร้ายต่าง ๆ ในการแก้กับโทสะก็คือมีสตินำทาง ไม่ใช้โทสะนำทาง เพราะโทสะเกิดเดี๋ยวเดียวก็หาย แต่ระหว่างที่โทสะเกิด ถ้าเราเอาโทสะนำทาง เราก็จะสร้างเวรให้ตัวเอง และบุคคลอื่นอีกมากมายเมื่อโทสะหายไปแล้วกลับไปแล้วจะเหลือไว้ซึ่งเวรและกรรม แก่ตัวเองและบุคคลอื่นที่ทำไว้ระหว่างที่โทสะเกิด มีการด่าการว่าการแช่งการฆ่า ทำได้ทั้งหมดเมื่อขาดสติ แต่ถ้าเราเอาสตินำทาง คือความระลึกได้ ระลึกถึงความดีและไม่ดีอื่นไหนควรทำอันไหนไม่ควรทำนึกถึงผลได้ผลเสีย เมื่อทำลงไปแล้ว จะเดือดร้อนแก่ตนเองแค่ครอบครัว แก่บุคคลอื่นหรือไม่อย่างไร อันนี้คือตัวสติ แต่ในทางแก้เราต้องใส่บาตรอุทิศผลบุญให้ตัวเอง ให้แก่ไฟที่อยู่ในกายสังขารที่อยู่ในจิตของเรา คือไฟแห่งโทสะนี้คือธรรมะที่หลวงพ่อโปรดแก่ข้าพเจ้า ให้ข้าพเจ้าได้แก้ได้ทำได้ปฏิบัติได้หลุดพ้นจากโทสะที่อยู่ในจิตของข้าพเจ้า หลวงพ่อท่านสอนในการปฏิบัติให้แก่ข้าพเจ้า ให้ละให้วางทีละอย่างแก่ข้าพเจ้า ในหน้าที่การงานที่ข้าพเจ้าได้ทำอยู่แต่ละวันก็เช่นกันหลวงพ่อสอนให้ข้าพเจ้าใส่บาตรอุทิศผลบุญให้แก่หน้าที่การงาน ให้บุคคลรวมงานให้บริวารให้แก่อุปสรรค์ปัญหาและเรื่อง การที่หลวงพ่อท่านรู้ล่วงหน้าว่าบุคคลนี้เกิดมา เมื่อเกิดมาแล้วจะต้องอยู่อย่างไร ทุกข์อย่างไร สุขอย่างไร เจ็บอย่างไร ตายด้วยอะไร อดีตชาติจิตวิญญาณนี้เป็นอะไรมา หลวงพ่อท่านรู้หมดเห็นหมด หลวงพ่อเทศแก่บุคคลทั้งหลายว่า คนเราก่อนเกิดมาเขากำหนดมาแล้วว่าบุคคลนี้ต้องไปทำอย่างนี้ ไปมีไปเจ็บไปตายอย่างนี้ เขากำหนดมาแล้ว คือเป็นคำสาปคำแช่งของเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่บุคคลนั้นได้ทำไว้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น