วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2554

ฝึกกรรมฐาน 5

เริ่มเจริญสมาธิ
อันดับแรก ขอให้ท่านที่จะเจริญสมาธิแต่งกายให้เรียบร้อยตามที่พึงจะมี ใช้เครื่องแต่งกายธรรมดาที่มีอยู่แล้ว แต่จัดให้เรียบร้อยเท่านั้นเอง

เครื่องบูชา

เครื่องบูชาพระ ใช้ดอกไม้ ธูป เทียน ตามที่จะพึงหาได้ ถ้าบังเอิญอย่างใดอย่างหนึ่งหาไม่ได้ก็ไม่ต้องวิตกกังวล ให้บูชาตามที่ของมีอยู่
แต่ถ้าในสถานที่บางแห่งหรือท่านที่อยู่เอง จะหาอะไรก็ไม่ได้ แม้แต่ธูปก็บังเอิญไม่มีก็ไม่เป็นไร ใช้มือกับใจบูชาด้วยความเคารพจริงก็ใช้ได้
บูชาพระ
เมื่อนั่งเรียบร้อยแล้วทำใจเคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ให้แน่นอน แล้วกล่าววาจานมัสการพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ พระอริยสงฆ์ ดังนี้ (การกล่าวนี้ ถ้าออกเสียงเบา ๆ พอได้ยินจะดีมาก แต่ถ้าไม่มีแรงก็ใช้นึกในใจก็ใช้ได้มีผลเสมอกัน)
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ กล่าวอย่างนี้ ๓ หนแล้วแปลเป็นไทยดังนี้ (ควรแปลเพื่อความมั่นใจและรู้เรื่องที่เรากล่าว)
ข้าพเจ้า ขอนอบน้อมนมัสการสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์พระองค์นั้น ตลอดชีวิต
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ข้าฯ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ ข้าฯ ขอถึงพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ข้าฯขอถึงพระอริยสงฆ์สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต

ต่อนี้ไปเป็นถ้อยคำที่กำหนดไว้ว่าจะรักษาให้มั่นคง ไม่ยอมให้ขาดตกบกพร่อง ไม่ต้องว่าภาษาบาลีเพราะจะทำให้ฟุ้งเฟ้อเอาเพียงคิดในใจกำหนดไว้ว่า เราจะรักษาตลอดวันนี้และคืนนี้ไม่ให้บกพร่อง และทุก ๆ วันจนกว่าจะตาย
๑. เราจะไม่ฆ่าและทรมานคนและสัตว์ให้ตาย หรือให้ได้รับความเดือดร้อน ตลอดชีวิต
๒. เราจะไม่ลักขโมย คดโกง หลอกลวง เป็นต้น ในทรัพย์สินของคนอื่นเอามาเป็นของเรา ตลอดชีวิต
๓. เราจะไม่ทำชู้ ลูกเมีย สามี ภรรยา และคนในปกครองของผู้อื่น โดยที่ผู้ปกครองและเจ้าของไม่อนุญาต ตลอดชีวิต
๔. เราจะไม่พูดปด คือวาจาไม่ตรงความจริง ไม่พูดวาจาหยาบให้เป็นที่สะเทือนใจของผู้รับฟัง ไม่ยุหรือนินทาคนอื่นให้เป็นเครื่องบาดหมางหรือแตกร้าวกัน ไม่พูดวาจาเหลวไหลไร้ประโยชน์ตลอดชีวิต
๕. เราจะไม่ดื่มสุราและเมรัย ตลอดชีวิต
๖. เราจะไม่คิดอยากได้ทรัพย์ของผู้อื่น เอามาเป็นของตน โดยที่ท่านเจ้าของไม่ได้ให้ด้วยความเต็มใจ ตลอดชีวิต
๗. เราจะไม่จองเวรจองกรรม จองล้างจองผลาญคิดพยาบาทเพื่อพิฆาตแก้แค้นในบุคคลที่ทำให้ไม่พอใจ แต่ถ้าไม่หนักเกินไปเราจะให้อภัยแก่ผู้นั้น ตลอดชีวิต
๘. เราจะไม่ฝ่าฝืนพระธรรมวินัย มีศีล เป็นต้น ตามที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ จะปฏิบัติตามคำสั่งสอนนั้นด้วยความเคารพตลอดชีวิต
ทั้งหมดนี้ จะกล่าวโดยออกเสียงเบา ๆ พอได้ยิน หรือจะคิดในใจก็ได้ทั้ง
สองอย่าง เมื่อนมัสการและปฏิญาณตามนี้แล้ว ท่านจะสวดมนต์ต่อตามที่จะพึงสวดได้หรือจะไม่สวดมนต์ต่อ จะสมาทานพระกรรมฐานเลยก็ได้ตามใจท่าน มีผลเสมอกัน ถ้าจะสมาทานให้สมาทานดังนี้

ให้ท่านตั้งใจกล่าว นะโม ฯลฯ ๓ จบ แล้วกล่าวดังนี้
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปริจัจชามิ
แปลว่า ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ ข้าพระพุทธเจ้า ขอ
มอบกายถวายชีวิตแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เมื่อสมาทานแล้ว กราบ ๓ ครั้ง ด้วยความเคารพ ต่อไปก็เริ่มทำสมาธิ การนั่งท่านจะนั่งขัดสมาธิ หรือพับเพียบก็ได้ ถ้าเป็นที่บ้านของท่านไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย จะนั่งเก้าอี้ห้อยขาลงหรือนั่งท่าไหนก็ได้ตามแต่ร่างกายจะสบาย จะยืน จะเดิน นอนก็ได้ไม่ห้าม ทำเท่าที่ร่างกายสบายอย่าฝืนให้ร่างกายต้องถูกทรมาน จิตจะไม่เป็นสมาธิ
บทภาวนา
คำภาวนานี้ ในที่นี้ขอแนะนำให้ภาวนาว่า "พุทโธ" เพราะสั้นและง่ายมีอานิสงส์มาก หายใจเข้านึกตามว่า พุท หายใจออกนึกตามว่า โธ ใจนึกถึงพระพุทธรูปที่วัดไหนหรือพระที่บ้านก็ได้ หรือว่าชอบใจพระสงฆ์องค์ใด นึกถึงพระสงฆ์นั้นก็ได้ ตามแต่ใจจะต้องการและจำภาพง่าย ถ้าพระพุทธรูปอยู่ใกล้ให้ลืมตาดูพระพุทธรูป พอจำได้ดีแล้วหลับตานึกถึงพระพุทธรูป ถ้าภาพนั้นเลือนไปจากใจให้ลืมตาดูใหม่ แล้วหลับตานึกถึงภาพพระ ทำอย่างนี้สลับกันไป ในไม่ช้าจิตจะทรงสมาธิได้ดีไม่ต้องมองภาพพระ จิตสามารถนึกถึงภาพพระได้ตลอดเวลาที่ต้องการ อย่างนี้ท่านเรียกว่า จิตเป็นฌาน อารมณ์เข้าถึงขั้นที่ต้องการ
ความต้องการของการเจริญพระกรรมฐาน
การเจริญพระกรรมฐาน ไม่ใช่ว่าจะต้องการทำใจให้สบายเฉพาะเวลาที่นั่งสมาธิเท่านั้น การนั่งสมาธิได้ดีขนาดไหนก็ตาม แต่เมื่อเลิกนั่งแล้วใจไม่ทรงการปฏิบัติในกฎ ๘ ประการ ตามที่กล่าวมาแล้วได้ คือยังเผลอลืม ยังละเมิดเป็นบางวาระ ถือว่ายังเอาดีจริง ๆไม่ได้ เพราะยังเป็นทางเดินลงนรก แต่ละข้อถ้าละเมิดมีโอกาสลงนรกได้ จึงจำต้องเอาสมาธิใช้ในที่นั้นด้วย คำว่า สมาธิ แปลว่า ตั้งใจมั่น เวลานั่งฝึก เป็นการฝึกอารมณ์ให้ทรงตัวเพื่อเอามาใช้ตามนี้ เมื่อเลิกนั่งแล้วมีใจ เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์เป็นปกติ ใจต้องระวังไม่ให้สิกขาบท ๘ ประการ ขาดตกบกพร่อง ทรงอยู่ด้วยดีตลอดเวลาเรียกว่า มีสมาธิครบถ้วน ถ้าปฏิบัติได้ครบถ้วนตามนี้และทรงได้ไม่ขาดตลอดกาล บาปที่ทำแล้วทั้งหมดไม่ให้ผลต่อไปเลิกไปอบายภูมิจนกว่าจะเข้านิพพาน
ความต้องการของใจ
ความต้องการของใจ คือความปารถนาให้มีใจต้องการที่ไปจุดเดียว คือ นิพพานเมื่อใจต้องการนิพพานจริงจัง จิตจะเริ่มสงบไม่ทุรนทุรายมาก จิตจะค่อยๆ บรรเทาความรักในระหว่างเพศ ความโลภ ความโกรธ ความหลงจะค่อยๆ สลายตัวไป จนถึงไม่เหลืออะไรไว้เลย จะมีแต่อารมณ์สบายใจเป็นสุข วางเฉยต่ออารมณ์ที่ทำให้ขัดใจและเฉยไม่สนใจต่อสิ่งที่ทำให้ชอบใจมีอารมณ์ปกติที่เรียกว่า " สังขารุเปกขาญาณ " เมื่อมาถึงตอนนี้มีหวังไปนิพพานแน่นอน
ก่อนทำอะไรทั้งหมดให้นึกถึงความตายไว้ก่อน
การนึกถึงความตายไว้เป็นปกติ ผลที่จะได้รับก็คือกิเลสทั้งหลายสลายตัวเร็วความต้องการผลในการเจริญกรรมฐานจะมีรวดเร็วมาก ฉะนั้นขอท่านนักปฏิบัติจงอย่าลืมคิดว่า เราจะตายไว้ และตั้งใจทำความดีตามพระสูตร ท่านจะมีผลตามนั้นแน่นอน

2 ความคิดเห็น:

  1. ขอกราบขอบพระคุณ ความรู้ ที่นำมาเผยแพร่ มีค่าอันประมาณมิได้..สาธุๆๆ อนุโมทามิ

    ตอบลบ
  2. ขอกราบขอบพระคุณ ความรู้ ที่นำมาเผยแพร่ มีค่าอันประมาณมิได้..สาธุๆๆ อนุโมทามิ

    ตอบลบ